อังคาร 17 ธันวาคม ครม.นายกฯแพทองธาร ชินวัตร มีมติเพิ่มการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย โดยเพิ่มการคืนเงินให้กองถ่ายต่างประเทศจากเดิม 15-20% เป็น 20-30% เมื่อมีการลงทุนในไทยไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และปรับเพิ่มเพดานการคืนเงินจากเดิม 75 ล้านบาทต่อเรื่อง เป็น 150 ล้านบาทต่อเรื่อง คาดว่าจะทำให้เพดานการลงทุนสร้างภาพยนตร์ต่อเรื่องเพิ่มเป็น 750 ล้านบาท จากเดิม 3.75 ล้านบาท

เงินที่จ่ายคืนให้กองถ่ายหนังต่างประเทศ คุณสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯ เปิดเผย เป็นเงินงบประมาณ ของ กรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็น เงินภาษีของคนไทยทุกคน ถ้าไม่พอก็จะไปขอเงินจาก “งบกลาง” เพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเงินภาษีคนไทยอีก

คนสร้างหนังไทย ดิ้นรนสู้กันมาไม่รู้กี่สิบปี ได้ฟังแล้วก็เจ็บปวดรวดร้าวใจ หนังไทยละครไทยก็ลงทุนเรื่องละไม่น้อย ไปสร้างชื่อให้กับประเทศไทยมาก็ไม่น้อย แต่ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลไทยเลยแม้แต่บาทเดียว มีแต่เก็บภาษี วันนี้ลูกท่านหลานเธอนักเรียนนอกมาเป็นใหญ่ ก็ไปเอาใจกองถ่ายหนังต่างชาติ เอาเงินภาษีคนไทยไปให้ฟรีๆ

เหตุผลที่ ครม. มีมติให้คืนเงินกองถ่ายหนังต่างชาติเพิ่มเป็น 30% คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกสำนักนายกฯ แถลงว่า ช่วงที่ นายกฯแพทองธาร เดินทางไปยังลอสแอนเจลิส ได้พบปะกับผู้ผลิตภาพยนตร์ระดับโลก ได้รับทราบข้อมูลว่า ได้เข้ามาถ่ายหนังในไทยถึง 38 เรื่อง ช่วงที่อยู่ในไทยมีการใช้จ่าย 2–3 ล้านบาทต่อวัน ก็เลยเอาเงินภาษีของคนไทยไปจ่ายคืนงั้นหรือ?

วันเดียวกัน 17 ธันวาคม คณะกรรมการจัดงานรางวัลออสการ์ (OSCAR) ครั้งที่ 97 ที่นครลอสแอนเจลิส ได้ประกาศรายชื่อภาพยนตร์และสารคดีที่เข้ารอบสุดท้าย ปรากฏว่าหนังไทยเรื่อง “หลานม่า” ได้รับการคัดเลือก เข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้าย จาก 85 เรื่องที่เข้าชิงใน สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best lnternational Feature Film) เป็นหนังไทยเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้าย จากการส่งหนังไทยเข้าชิงรางวัลออสการ์ต่อเนื่องมานานถึง 40 ปี 15 เรื่องสุดท้ายนี้จะถูกคัดเหลือ 5 เรื่องในวันที่ 17 มกราคม 2568 และ 2 มีนาคม 2568 จะเป็นวันประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97

...

ก็ต้องเอาใจช่วยลุ้นให้ “หลานม่า” ผ่านเข้ารอบ 5 เรื่องสุดท้ายในวันที่ 17 มกราคมให้ได้ และ คว้ารางวัลออสการ์ มาครองในวันที่ 2 มีนาคม

หนังไทย “หลานม่า” ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 สร้างโดย บริษัท GDH ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จึงไม่แปลกที่ “อากู๋” คุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะดีใจจนออกนอกหน้าส่งข่าวด้วยตัวเอง “หลานม่า” มี เป็ด ทศพล เป็นผู้เขียนบท พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ เป็นผู้กำกับจิระ มะลิกุล และ วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ เป็นโปรดิวเซอร์ เริ่มฉาย ในโรงภาพยนตร์ครั้งแรก 4 เมษายน 2567 รายได้ ณ 20 กันยายน 2567 “หลานม่า” โกยรายได้ไปแล้ว 1,925 ล้านบาท วันนี้คงเลย 2 พันล้านบาทไปแล้ว

ประเทศที่ทำรายได้อันดับ 1 จีน 572 ล้านบาท อันดับ 2 อินโดนีเซีย 375 ล้านบาท อันดับ 3 ไทย 339 ล้านบาท อันดับ 4 สิงคโปร์ 153 ล้านบาท อันดับ 5 มาเลเซีย 146 ล้านบาท

คุณสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์แสดงความยินดีกับ GDH บอกว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กำลังเร่งผลักดัน ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชัน ได้จัดทำ ร่าง พ.ร.บ.ภาพยนตร์ เสร็จแล้ว คาดว่าจะเสนอ ครม.ในสิ้นปีนี้ ยิ่งพูดก็ยิ่งเห็น “ความล้มเหลวของนโยบาย Soft Power ไทย” และ ความลำเอียง ของรัฐบาล ทำไมหนังต่างชาติใช้แค่มติ ครม.ก็ได้เงินลงทุนคืนถึง 30% ทำไมหนังไทยจึงไม่ได้เงินคืนเหมือนหนังต่างชาติ อยากให้ นายกฯ แพทองธาร ตอบคนทำหนังไทยหน่อยเถอะ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม