จากกรณี น.ส.เบญญาภา เย็นอุดม หรือ “ครูเบญ” ผู้สอบพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอน สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว ที่รายชื่อหายล่องหนในการประกาศผลสอบรอบที่สอง ทำให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.67 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. ในฐานะโฆษก ศธ.ได้แถลงถึงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ว่า ผลการสอบสวนที่ สพฐ.ได้สอบสวนและผลการสอบสวนของ ศธ.ที่ได้มีการนำหน่วยงานกลางภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบ คือ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ผลการสอบสวนออกมาตรงกัน โดยไม่พบเรื่องทุจริตในการสอบแต่อย่างใด แต่เป็นความผิดพลาดในการจัดทำข้อมูลบัญชีการประกาศรายชื่อของผู้เกี่ยวข้องใน สพม.สระแก้ว ทั้งนี้ ในรายละเอียดของการสอบสวนก็ไม่พบการแก้ไขข้อสอบและชุดข้อสอบ กระบวนการต่างๆ การจัดสอบครบถ้วนตามระเบียบราชการสัญญาจ้างของระเบียบการสรรหาพนักงานราชการ และจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากมีบุคคลเอาตัวอย่างข้อสอบไปโพสต์ในโซเชียลมีเดีย และเกิดข้อทักท้วงกันขึ้น จึงเป็นที่มาของการตรวจคำตอบใหม่ทั้งหมด ก่อนจะพบว่ามีคำตอบที่ผิดจริงและได้ปรับแก้ไขคะแนนใหม่ และนำมาสู่การประกาศผลรอบที่สองเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในประเด็นข้อผิดพลาด ที่เกิดขึ้นนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดดังกล่าวต่อไป
“สพฐ.ได้ส่งกระดาษคำตอบของครูเบญ และ น.ส.ปิยะโสภิชา นาคพงษ์ ซึ่งในการประกาศผลสอบในรอบที่สอง น.ส.ปิยะโสภิชาได้รับการประกาศรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 1 ให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจสอบลายมือชื่อและร่องรอยการแก้ไขกระดาษคำตอบแล้ว ไม่พบความผิดปกติใด อีกทั้งครูเบญก็ได้ให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ สืบสวนข้อเท็จจริงของ สพฐ.ว่าได้ตรวจสอบชุดข้อสอบและกระดาษคำตอบแล้ว ยืนยันว่าเป็นของตน ทั้งยืนยันว่าไม่ติดใจในผลคะแนนการสอบ ดังนั้น ผลการสอบสวนจึงสรุปได้ว่า การสอบพนักงานราชการในครั้งนี้ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใด เพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขผลการสรรหาและเลือกสรรฯ หรือส่อไปในทางทุจริต” โฆษก ศธ.กล่าว.
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่