บทวิเคราะห์ GDP อาเซียนของผมทั้ง 2 วันที่ผ่านมา  ไม่ได้พูดถึง “สิงคโปร์” โดยละเอียดก็เพราะเป็นที่เข้าใจกันดีแล้วว่าประเทศเล็กๆที่มีประชากรแค่ 5 ล้าน 9 แสนกว่าคนประเทศนี้ ถือเป็น “ประเทศพิเศษ” ที่มีแต่ขึ้น ไม่มีลงมาตลอดนับตั้งแต่แยกตัวออกจากมาเลเซียมาเป็นประเทศใหม่ เมื่อเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1965 หรือ พ.ศ.2508

ในยุคที่ประเทศไทยของเราเป็นเจ้าภาพ จัด “กีฬาแหลมทอง” หรือ SEAP GAMES ขึ้นปีแรก เมื่อ ค.ศ.1959 หรือ พ.ศ.2502 ที่สนามศุภชลาศัย...สิงคโปร์ ยังมาแข่งในฐานะรัฐที่เคยเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร แต่ขึ้นอยู่กับประเทศมาเลเซียในขณะนั้น

จนกระทั่ง SEAP GAMES ครั้งที่ 3 ใน ค.ศ.1965 นั่นแหละ สิงคโปร์จึงได้เข้าแข่งในฐานะประเทศเกิดใหม่อย่างเต็มตัว หลังจากแยกตัวออกจากมาเลเซียอย่างเป็นทางการในปีเดียวกัน

ตั้งแต่นั้นมาประเทศเล็กๆประเทศนี้ ก็สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นประเทศที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวม อันดับ 2 ของอาเซียน เป็นรองก็แต่อินโดนีเซียเท่านั้น

ครั้นเมื่อหารด้วยจำนวนประชากรเพียงแค่ 5.9 ล้านคนเศษในปีนี้ 2024 สิงคโปร์จึงมีรายได้ต่อหัวสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของ อาเซียน คือมีรายได้ต่อหัวถึง 89,372 เหรียญสหรัฐฯต่อคนต่อปี 

ถ้าใช้ทฤษฎี “สมบัติผลัดกันชม” มาวิเคราะห์สิงคโปร์ ก็คงต้องถือว่าทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้...เพราะสิงคโปร์มีแต่ “ชม” สมบัติอย่างเดียวและแต่ผู้เดียว ไม่ไป “ผลัด” กันชมกับใครๆเลย

ถ้าเราหยิบตาราง GDP รวม และ GDP ต่อหัว ขึ้นมาดูอีกครั้ง (ของผมใช้ของ IMF ที่ค้นหาได้ในกูเกิล) จะพบว่า “พระเอก” คนใหม่ที่กำลังกอบโกย “สมบัติ” มาเชยชมได้อย่างมากในช่วง 20 ปีหลังนี้ ก็คือ เวียดนาม นั่นเอง

...

จากประเทศรายได้ต่ำ ยากจนมาก หลัง “ศึกสายเลือด” แบ่งเหนือแบ่งใต้จากการยุแยงของประเทศตะวันตก...เวียดนามได้ใช้เวลาใช้ความพยายามในการพัฒนาตนเองได้อย่างเหลือเชื่อ

จนในสุดก็ขึ้นมาเป็นประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจ หรือ GDP รวม อันดับ 6 ของอาเซียน ซึ่งมี 5 เสือเรียงลำดับ ดังนี้

1. อินโดนีเซีย 2.สิงคโปร์ 3.ไทย 4.ฟิลิปปินส์ และ 5.มาเลเซีย

แต่แล้วใน ค.ศ.2023 หรือ พ.ศ.2566 เวียดนาม ก็แซงมาเลเซีย ขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ได้สำเร็จดังที่ผม...เขียนไว้เมื่อวานนี้

ขึ้นมาหายใจรดต้นคอฟิลิปปินส์ อันดับ 4 แล้ว โดยในปี 2025 หรือปีหน้า ไอเอ็มเอฟประมาณการว่า ฟิลิปปินส์ จะมี GDP อยู่ที่ 507,670 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ เวียดนาม อยู่ที่ 506,426 ล้านเหรียญสหรัฐฯ...ลองบวกลบตัวเลขดูจะเห็นว่า “หายใจรดต้นคอ” จริงๆ

อะไรไม่อะไร ถ้าแซงฟิลิปปินส์ได้ เวียดนามก็จะขึ้นมาจ่อ “พี่ไทย” แล้วละ เพราะของเราที่ไอเอ็มเอฟคาดไว้ ปี 2025 หรือ ปีหน้าเช่นกัน จะอยู่ประมาณ 545,341 ล้านเหรียญ ลองเทียบกับ ตัวเลขของเวียดนามเมื่อสักครู่ 507,670 ล้านเหรียญ ก็ชักเสียวๆเหมือนกัน

เคยมีคนคิดง่ายๆ แบบคณิตศาสตร์เบื้องต้น ว่า ของเราอัตราเพิ่มต่ำกว่าของเขา...ในที่สุด เขาก็จะต้องแซงเรา

อย่างที่ว่า ผมวิเคราะห์ด้วยทฤษฎี “สมบัติผลัดกันชม” ซึ่งเป็นทฤษฎีปลอบใจตัวเองของ “นักการพนัน” ทั้งหลายที่เวลาแพ้พนัน ก็จะปลอบใจตัวเองว่า “สมบัติผลัดกันชม...ช่างเถอะ เงินทองไปเที่ยวเดี๋ยวก็มา”

ทำไงได้...เขาใหม่กว่าสดกว่า ผู้นำเขาไม่คอร์รัปชันไม่โกงกิน ใครคอร์รัปชันเขาจับเข้าคุกจริงจัง ไม่มีเข้าคุกปลอมๆแบบบางประเทศ

ถ้าเขาจะแซงเราก็ต้องยอมครับ และควรยินดีกับเขาและปลอบใจตัวเองว่า “สมบัติผลัดกันชม” การพัฒนาประเทศก็มีขึ้นมีลงอย่างนี้แหละ...สามัคคีกันได้เมื่อไร...เราก็ไม่แพ้ใคร...ยุค “ป๋าเปรม” พิสูจน์มาแล้ว!

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม