สภาพความเป็นไปในบ้านเมืองยามนี้ ต้องเรียกว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้าแทรก เพราะพบคดีฉ้อโกงประชาชนล่าสุดอีกคดี คือ คดีของ นพ.บุญ วนาสิน แพทย์ผู้ร่วมก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรีกับแพทย์อีกจำนวนหนึ่งจากโรงพยาบาลศิริราช
หมอบุญและครอบครัว ซึ่งได้แก่ภรรยา และบุตรสาว รวมถึงเลขานุการ และบรรดาพนักงานที่เกี่ยวข้องรวม 9 คน ถูกออกหมายจับ หลังจากมีผู้ไปแจ้งความว่า หมอบุญ และพวก ร่วมกันหลอกนักธุรกิจรายใหญ่ๆ ลงทุนในธุรกิจการแพทย์ 5 โครงการ
โดยอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดกับผู้ตกเป็นเหยื่อเกือบ 250 คน ในวงเงินกว่า 7,500 ล้านบาท
หมอบุญเปิดแถลงเมื่อปีก่อนว่า จะสร้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ได้แก่
1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้าในพื้นที่ 7 ไร่ ใช้งบประมาณ 4,000 ล้านบาท
2.โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โครงการนี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับบรรดาผู้ป่วยสูงวัย ซึ่งจะสร้างเป็นอาคารสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงอายุ 400 ห้อง มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท
3.สร้างโรงพยาบาลในประเทศ สปป.ลาว รวม 3 แห่งคือ เวียงจันทน์ 2 แห่ง และจำปาสัก 1 แห่ง
โครงการที่ 4.เป็นการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม ใช้งบลงทุนราว 4,000- 5,000 ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจนท์ ที่บางละมุง ชลบุรี ทำหน้าที่ด้าน IT มูลค่าการลงทุน 100 ล้านบาท
การชักชวนนักธุรกิจ นักลงทุนกระเป๋าหนัก และประชาชนทั่วไปลงทุนในโครงการเหล่านี้ หมอบุญได้จัดตั้งโบรกเกอร์ขึ้นเป็นผู้ดำเนินการในธุรกรรมทางการเงินช่วงระหว่างวันที่ 2–4 ก.พ.2566
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่หมอบุญประสบความสำเร็จในการลงทุนโรงพยาบาลธนบุรี ซึ่งได้รายได้สูงจากคนไข้ที่ส่งตัวต่อมาจากโรงพยาบาลศิริราชเข้าไป ทำให้หมอบุญมีสภาพคล่องการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่นได้เป็นจำนวนมาก
...
สิ่งนี้สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่หมอบุญไม่น้อย เมื่อมีการกล่าวถึงรายได้ และกำไรจากการร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ผู้ร่วมลงทุนจะได้รายได้เพิ่มขึ้นทุกปี จาก 700 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาทในปีถัดไป โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำโครงการต่างๆเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจสอบเบื้องหลังก็พบเค้าโครงการเข้าไปหาแหล่งเงินทุนในลักษณะไปกู้ยืมเงินกับแหล่งเงินกู้โดยมีภรรยา และลูกสาวเป็นผู้ค้ำประกัน และเซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับมอบให้แก่ผู้เสียหาย และจ่ายดอกเบี้ยช่วงแรกๆในอัตราสูงให้แก่บางคนในช่วงแรก แต่ต่อมาไม่จ่ายเลย
ตำรวจยังพบด้วยว่า หลังระดมทุนได้ 7,500 ล้านบาท โบรกเกอร์แต่ละรายได้ทยอยถอนเงินครั้งละเป็นร้อยล้านบาทออกไป เพื่อเอาค่าตอบแทนรายละ 100,000 บาท ต่อวงเงิน 10 ล้านบาท ขณะที่ผู้เสียหายและเหยื่อหลายคนที่หลงเชื่อว่าจะมีการลงทุนจริงๆ ต้องสูญเงินกันมากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป
เรื่องแบบนี้จะว่า ความโลภทำให้ถูกหลอกเห็นจะไม่ใช่แล้ว แต่อาจจะต้องบอกว่าเรื่องเงินๆทองๆมันไว้ใจใครไม่ได้เลยมากกว่า.
มิสไฟน์
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม