เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย

มีน่าเห็นใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร. ต้องนั่งหัวโต๊ะท่ามกลางองค์ประชุม “เหล่าอรหันต์” มากวัยวุฒิและคุณวุฒิ เพื่อ “ตัดจบ” บัญชีแต่งตั้งนายพลสีกากีที่ค้างคาข้ามเดือน

ระดับ รอง ผบ.ตร.–ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไม่มีปัญหาข้อถกเถียง เพราะพิจารณาไปตามคิวลำดับอาวุโส 100 เปอร์เซ็นต์ที่ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติปี 2565 กำหนดเป็น “กฎเหล็ก” ไว้

มีเพียงเก้าอี้ ผบช.ต้องใช้เวลาคัดตัวกันนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนปล่อยผ่านตามเสียงส่วนใหญ่ แม้จะมีความเห็นถึงความเหมาะสมในบางตำแหน่ง ไม่ตรงที่ “บอร์ดกลั่นกรอง” เสนอใส่ตะกร้าเสนอที่ประชุม ก.ตร.

อีกบทพิสูจน์ อาวุโส ความรู้ ความสามารถ ไม่มีอยู่จริงแบบ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติกำกับไว้ให้เกิดระบบ “คุณธรรม” ในการแต่งตั้งโยกย้าย

แถม “ชักบันไดหนี” กลุ่มอาวุโสไม่ถึง 4 ปีออกจากกระดาน อ้างเพื่อสกัดกั้น “ตั๋วฝาก”

ตัดสิทธิของคนที่มีสิทธิถูกต้องตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติระบุหลักเกณฑ์ไว้ในมาตรา (4) ตำแหน่ง ผบช. และจเรตำรวจจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.ต. หรือ พล.ต.ท.และเคยดำรงตำแหน่งระดับ รอง ผบช.หรือ รองจเรตำรวจมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี

ส่งผลให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.นายพลนักสืบเมืองหลวงมากประสบการณ์ ผลงานเป็นที่ประจักษ์ “หลุดออกจากบัญชี” เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. เพื่อน นรต.46 ร่วมรุ่น เจ้าของรางวัลปราบปรามยาเสพติดดีเด่นหลายองค์กร

มีแค่ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 อาวุโส 3 ปี ฝ่าด่านทะยานขึ้น ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่ประสานนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย) เพียงคนเดียว

...

นอกนั้นโดน “ฝังกลบต้นอ่อน” ไม่ให้เจริญก้าวหน้า.

สหบาท

คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม