ค่ำคืนวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารถูกเนรมิตให้เป็นสีฟ้าในกิจกรรม “Turn Blue” โดยองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กิจกรรมนี้สื่อถึงวันเด็กสากลและตอกย้ำความสำคัญของการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับเด็กทุกคน
ด้วยความเป็นสัญลักษณ์แห่งรุ่งอรุณและการเริ่มต้นใหม่ วัดอรุณซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของประเทศไทยจึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมนี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งสัญญาณให้ทั่วโลกหันมาร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับเด็กทุกคน
วันเด็กสากลตรงกับวันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปี และยังเป็นการระลึกถึงวันครบรอบการรับรองอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติเมื่อปี 2532 อนุสัญญานี้มุ่งเน้นให้เด็กทุกคนได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกันและมีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่
การประดับไฟสีฟ้าบนพระปรางค์วัดอรุณไม่ได้เป็นเพียงการจัดแสดงความงดงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม หรือเด็กและเยาวชน ที่มุ่งมั่นสร้างสังคมที่เท่าเทียมและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเฟรนด์ออฟยูนิเซฟ เช่น เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร หนูดี วนิษา เรซ หรือเซเลบอย่างเวียร์ ศุกลวัฒน์ แอนนา เสืองามเอี่ยม และซอฟต์ปอม ที่มาร่วมให้คำมั่นสัญญาเพื่อสนับสนุนอนาคตที่สดใสและเท่าเทียมสำหรับเด็กทุกคน
ก่อนเริ่มพิธีประดับไฟสีฟ้าบนพระปรางค์วัดอรุณ มีการจัดเวทีสนทนาเล็ก ๆ ระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก โดยมี ฯพณฯ อานันท์ ปันยารชุน ทูตสันถวไมตรีของยูนิเซฟ ประเทศไทย คยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย นวลพรรณ ล่ำซำ ทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ผลินภัทร์ จงธนากร สมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาเยาวชนยูนิเซฟ ร่วมพูดคุยบนเวที โดยสนทนาเกี่ยวกับความฝันในวัยเด็ก และแนวทางที่แต่ละคนสามารถลงมือทำเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับเด็กทุกคน
คุณคิมกล่าวว่า “การประดับไฟสีฟ้าคือเครื่องเตือนใจถึงความท้าทายที่เด็กทั่วโลกต้องเผชิญ ตั้งแต่ภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงความเหลื่อมล้ำที่ขัดขวางโอกาสของพวกเขา การประดับไฟนี้จึงเป็นสัญญาณแห่งความร่วมมือ ที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในสังคม เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประเทศไทยเพื่อสร้างอนาคตที่ปลอดภัยและเท่าเทียมสำหรับเด็กทุกคน”
กิจกรรม “Turn Blue” เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “A BETTER TOMORROW TODAY – วันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า” ซึ่งเน้นย้ำถึงปัญหาสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา สีฟ้าไม่ได้เป็นเพียงเครื่องหมายแห่งการเฉลิมฉลอง แต่สะท้อนถึงพันธกิจของยูนิเซฟในการปกป้องสิทธิเด็ก และตอกย้ำว่าเด็กต้องเป็นศูนย์กลางของทุกความพยายาม
ยูนิเซฟชวนทุกคนร่วมจินตนาการถึงโลกที่เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนได้เติบโตอย่างปลอดภัย และมีโอกาสกลับไปโรงเรียนเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น กิจกรรมนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยสถานที่สำคัญทั่วโลก เช่น อะโครโพลิสในกรีซ ตึกเอ็มไพร์สเตตในนิวยอร์ก กำแพงเมืองจีน มหาวิหารแพนธีออนในฝรั่งเศส และสะพานบอสฟอรัสในตุรกี ต่างถูกเปลี่ยนให้เป็นสีฟ้าเพื่อสนับสนุนสิทธิเด็กมาแล้วเช่นกัน
ในประเทศไทย การประดับไฟสีฟ้าบนพระปรางค์วัดอรุณฯ ในวันเด็กสากลเป็นเครื่องเตือนใจว่า เด็กหลายคนยังขาดโอกาสเข้าถึงบริการที่จำเป็น และยังต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เสียงสะท้อนจากเด็กและเยาวชนในงานยังเต็มไปด้วยความหวัง โดยนางสาวผลินภัทร์ จงธนากร วัย 16 ปี ตัวแทนเด็กและเยาวชนวัย 16 ปี กล่าวว่า “ดิฉันเชื่อว่าหากเราร่วมกันสร้างโลกที่ปลอดภัยและมั่นคงสำหรับเด็ก ๆ โลกที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ค้นพบตัวตนและสัมผัสกับความสุข สักวันหนึ่ง เราจะได้เห็นเยาวชนทุกคนเปี่ยมไปด้วยความฝันและความหวังในหัวใจ แม้เส้นทางสู่อนาคตที่สงบสุขอาจเต็มไปด้วยความซับซ้อนและอุปสรรค แต่เส้นทางนี้ย่อมเปี่ยมไปด้วยความหมายที่จะเติมเต็มชีวิต"
เฟรนด์ออฟยูนิเซฟอย่างเป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร ผู้ที่ร่วมงานกับยูนิเซฟมาหลายปีเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็กไทยและเด็กทั่วโลก กล่าวว่า การเปลี่ยนพระปรางค์วัดอรุณให้เป็นสีฟ้าในวันเด็กสากลร่วมกับนานาประเทศนั้นสะท้อนปัญหาที่เด็กหลายล้านคนยังคงเผชิญ เช่น ปัญหาด้านสุขอนามัย “การที่พระปรางค์วัดอรุณส่องแสงสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของวันเด็กสากล ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะเดินหน้าทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงต่อไป เพื่อสนับสนุนให้เด็กทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
แอนนา เสืองามเอี่ยม กล่าวว่า การได้รับฟังการสนทนาบนเวทีในงานครั้งนี้ช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นของเธอที่จะมีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กในประเทศไทย “แอนนาอยากใช้เสียงของตัวเองช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และช่วยสร้างโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศที่ดีขึ้นในอนาคต”
ด้านซอฟปอม รษิกา พานิวงศ์ กล่าวถึงแรงบันดาลใจที่ได้รับจากการเปลี่ยนพระปรางค์วัดอรุณให้เป็นสีฟ้าว่า “เราอย่าหยุดสร้างความหวังให้กับคนรุ่นใหม่ การส่งต่อความหวังคือการปูทางสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้น” ในฐานะผู้ผลิตสื่อออนไลน์ ซอฟปอมให้คำมั่นว่าจะใช้ช่องทางของเธอช่วยสร้างความหวังและสนับสนุนเด็กทุกคนในสังคม
ฯพณฯ อานันท์ ซึ่งร่วมงานกับองค์กรมานานกว่า 28 ปี กล่าวว่า “แสงสีฟ้าคืนนี้ไม่ใช่เพียงภาพความงาม แต่เป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายที่จะสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาสและความเท่าเทียมสำหรับเด็กทุกคนในประเทศไทยและทั่วโลก”