แฉคำให้การ “เอก สายไหม” กับพยานขัดแย้งกัน เพราะหลายปากยืนยันว่า ไม่ได้ระบุว่าการโอนเงินดิจิทัล 8 พันล้านบาท เป็นของกลุ่มบอสดิ ไอคอน แต่ “เอก สายไหม” ไปโยงเองแล้วเอาไปโพสต์ข้อมูล คณะทำงานต้องเรียกตัว “เอก สายไหม” มาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ยังไม่ได้ระบุวัน ด้าน “รองเต่า” มั่นใจหลักฐานเอาผิดได้ เพราะเป็นคนโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคดีดิ ไอคอน เก็บพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว

การสืบสวนคลี่คลายบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วม หลังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงแม่ข่ายและผู้เกี่ยวข้อง คุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้ว ต่อมาโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาแจ้งข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงฯเพิ่มเติมกับ 18 บอส ในเรือนจำ จากนั้นเรื่องราวบานปลายกลุ่มบอสดิ ไอคอน กรุ๊ป นำคลิปเสียงออกมาแฉนักร้องเรียนและบุคคลหลายกลุ่มเข้ามารีดทรัพย์ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 พ.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดเข้ามอบตัวสู้คดีโพสต์ข้อมูลเท็จดิ ไอคอนว่า ในส่วนของขั้นตอนหลังจากนี้ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบสำนวนให้มีความแน่นหนามากขึ้น

...

“ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ผิดถูกว่าไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง จากหลักฐานที่มีอยู่ค่อนข้างแน่ชัดว่า เจ้าตัวโพสต์ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับคดีดิ ไอคอนจริงโดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการโยกย้ายสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัล เราเก็บพยานหลักฐานต่างๆเหล่านี้ไว้หมดแล้ว” รอง ผบช.ก.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนคำให้การของนายเอกภพต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.เบื้องต้นเจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าข้อมูลที่นำไปโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นข้อมูลที่ได้รับจากพยานไม่ทราบว่าเป็นข้อมูลเท็จ และไม่ได้มีเจตนาจะทำให้สังคมเกิดความสับสน รวมไปถึงสร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานรัฐต่างๆ จากคำให้การของนายเอกภพพบว่ามีหลายส่วนที่ขัดแย้งกับคำให้การของพยานบุคคลที่นายเอกภพให้การพาดพิงถึง โดยเฉพาะคำให้การในส่วนของข้อมูลการโยกย้ายสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัล พยานบุคคลดังกล่าวยืนยันว่าระหว่างพูดคุยกับนายเอกภพไม่มีการบ่งชี้ หรือระบุชัดเจนว่าการทำธุรกรรมโยกย้ายเงินดิจิทัลมูลค่ากว่า 8 พันล้านบาทเป็นของผู้ต้องหาเครือข่ายดิ ไอคอน

คำให้การของพยานบุคคลยังให้การยืนยันอีกว่า ข้อมูลเงินดิจิทัลดังกล่าวเป็นเพียงข้อสันนิษฐานจากข้อมูลที่หาได้จากสื่อสาธารณะ ตามที่นายเอกภพเรียกร้องให้พยานบุคคลช่วยหาข้อมูลมาให้ ก่อนสุดท้ายจะไม่สามารถยืนยันได้ว่า ข้อมูลนั้นสอดคล้องหรือเกี่ยวข้องกับดิ ไอคอน เพราะเป็นเพียงข้อมูล transaction ที่ใหญ่ที่สุดของกระดานซื้อขายรวมในวันที่บอสทั้ง 18 คนโดนจับกุม นายเอกภพกลับนำข้อมูลดังกล่าวไปเชื่อมโยงเรื่องราวเองแล้วนำไปโพสต์ลงเพจเฟซบุ๊ก
อย่างไรก็ตาม จากคำให้การของนายเอกภพที่ขัดแย้งกับพยานบุคคลและหลักฐานอีกหลายอย่าง พนักงานสอบสวน บก.ปอท.จำเป็นที่อาจต้องเสนอเรื่องไปที่คณะทำงานตรวจสอบคดีดิ ไอคอน บช.ก. นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อพิจารณาเชิญตัวนายเอกภพมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง