ในหนังสืออำนาจ 2 ผมอ่านตอน จุดเปลี่ยน-ตอนการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร อยากรู้ รุ่งมณี เมฆโสภณ จะเขียนถึงจอมพล ป.พิบูลสงคราม เล่นบทเด็กดีของฝรั่ง อีกมือแอบเล่น “ไพ่จีน” ไม่แพ้ แต่กลับแพ้ศึกภายในไปได้อย่างไร
การเมืองภายใน ท่านผู้นำเล่นกระดานหกระหว่าง ลูกน้องสองขั้ว ขั้วพลเอกสฤษดิ์ ทหารบก ขั้วพลตำรวจเอกเผ่า ตำรวจที่เกรียงไกร ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้
การเมืองภายนอก หลังพระองค์วรรณ รัฐมนตรีต่างประเทศพบ โจว เอินไหล นายกฯจีน ในการประชุมที่บันดุง อินโดนีเซีย นายกฯจีนเคลียร์ข่าวลือ จีนไม่เคยฝึกหน่วยรบในสิบสองปันนา บ่อนทำลายไทย เริ่มความรู้สึกดีไทยจีน
พ.ศ.2498 จอมพล ป. เรียก สังข์ พัธโนทัย เพื่อนคู่คิดที่ช่วยกันต่อต้านคอมมิวนิสต์มาด้วยกัน อีกอย่างการช่วยเหลือด้านการทหาร ท่านผู้นำเริ่มเห็นแววช่วยสร้างความเข้มแข็งให้คณะรัฐประหาร ไม่ใช่ให้รัฐบาล
สังข์ จึงเริ่ม “คิดใหม่” จีนกับไทยไม่เพียงใกล้ชิดกันทางสายเลือด ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมยังใกล้ไทย ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหวังน้ำไกลมาดับไฟใกล้ บทสรุปสังข์ “เราจะเป็นศัตรูกับจีนไม่ได้ หากเป็นมิตรไม่ได้ก็ไม่ควรเป็นศัตรู”
ภารกิจลับ ปลูกสัมพันธ์ไทยจีน จึงเริ่มต้น
ก.ย.2498 สังข์เลือก 4 ทูตลับ อารีย์ ภิรมย์ กรุณา กุศลาศัย อัมพร สุวรรณบล สส.ร้อยเอ็ด สอิ้ง อารังกูร สส.บุรีรัมย์ เดินทางไปจับมือ เหมา เจ๋อตง โจว เอินไหล ที่จีนเมื่อ 21 ธ.ค.2498
ก.พ.2499 สังข์ส่งเทพ โชตินุชิต หัวหน้าพรรคเศรษฐกร และสส. รวม 12 คน ไปจีนคณะแรก เมื่อคณะนี้กลับไทย ถูกตำรวจสันติบาลจับ การเดินทางไปจีนชะงักช่วงหนึ่ง แต่ทางลับโดยเฉพาะทางการค้าเดินหน้าต่อ
การจับกุมเกิดขึ้น เพราะข่าวรั่วไปว่า พล.ต.อ.เผ่า ส่งตัวแทนไปพบปรีดีที่จีน สหรัฐฯวิเคราะห์ไปไกล จอมพล ป. และ พล.ต.อ.เผ่า ต้องการนำปรีดีกลับไทย เพื่อสู้กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมและเพื่อเปิดไมตรีกับจีนและถอยห่างจากสหรัฐฯ
...
รุ่งมณี มองว่าเกมการเมืองไทยเวลานั้น ผูกรวมกันอย่างยากจะแยก ระหว่างการชิงอำนาจในประเทศ และการต่อสู้ระหว่างสหรัฐฯกับจีน
มี.ค.2499 ไทยทบทวนการค้าจีนสหรัฐฯไม่สบายใจ จอมพล ป. ยืนยันนโยบายตามสหรัฐฯเหมือนเดิม แต่กรณี เลื่อน บัวสุวรรณ ตัวแทนการค้าไทย เครื่องบินตกตายที่นครราชสีมา เมื่อ 31 มี.ค. 2499 สังข์เป็นตัวแทนคนต่อไป
10 เม.ย.2499 จอมพล ป.ให้สัมภาษณ์ปรีดีส่งจดหมายยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องกรณีสวรรคต และรัฐบาลจะนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองทั้งหมดในโอกาสฉลองกึ่งพุทธกาล
รัฐบาลไทยแถลงยืนยันการค้าจีน สหรัฐฯแสดงความผิดหวัง จอมพล ป. กับสังข์ เดินหน้าเล่นไพ่จีนต่อ ส.ค.2499 สังข์กระชับความสัมพันธ์กับจีนอีกระดับ ส่งวรรณไว 14 ปี นวลนภา 8 ปี ลูกชายลูกสาวเดินทางผ่านพม่า ไปอยู่ในความดูแลของโจว เอินไหล
แล้วการเมืองไทย ที่เริ่มจุดเปลี่ยน 24 มิ.ย.2475 ก็มาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ 26 ก.พ.2500 เลือกตั้งทั่วไป พรรคเสรีมนังคศิลาของรัฐบาลได้รับชัยชนะ 2 มี.ค.นิสิตนักศึกษาเดินขบวนโจมตีว่าเลือกตั้งสกปรก
การเมืองแตกสองสาย สายหนุนสฤษดิ์ อีกสายหนุนจอมพล ป.และเผ่า จอมพลสฤษดิ์ กลายเป็นขวัญใจเพราะไม่ปราบปรามนิสิตนักศึกษา 16 ก.ย.2500 จอมพลสฤษดิ์ ทำรัฐประหาร
นักวิเคราะห์การเมืองเชื่อว่า ข่าวแผ้วถางทางให้ปรีดีกลับไทยเป็นฟางเส้นสุดท้าย และจอมพล ป. และ พล.ต.อ.เผ่า เดินทางออกนอกประเทศ
ผมอ่านจบสองตอนนี้ แล้วพอจะคิดได้ว่า นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ 67 ปีแล้ว การเมืองไทยนอกประเทศ ไม่ว่าทั้งด้านจีนสหรัฐฯ หรือการเมืองในประเทศ เกือบทุกอย่างวนเวียนซ้ำรอยเก่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มีแปลกกว่า ก็รายท่านผู้นำคนใหม่ ที่แหวกคิวอำนาจกลับไทย แต่จะสรุปว่า รายนี้มีดีกว่า ก็คงไม่ได้ เวลายังอีกยาว การตายเอาดาบหน้านอกมาตุภูมิ เป็นทางสายหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่านักการเมืองต้องเดิน.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม