“ทนายวิฑูรย์” แจงยิบ คลิป “เจ๊พัช” “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” รีดบอสปัน 20 ล้านบาท ไม่ได้เป็นคนปล่อย ที่บอสปันอัดคลิปเพราะไม่เชื่อใจเช่นกัน เปิดมีอีกคลิปยาว 1 นาที 35 วินาที ลูกความเตรียมแจ้งดำเนินคดีแน่ ติงรายการโหนกระแสชี้นำสังคม กระบวนการยุติธรรมคล้อยตาม ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาตกที่นั่งลำบาก ไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างสู้คดี อยากให้ลูกความได้ประกันตัวสู้คดี เพราะสมาชิกดิ ไอคอน กรุ๊ป มีกว่า 3 แสนคน ผู้เสียหายแค่1หมื่น คิดเป็นแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่อุปาทานหมู่ “เจ๊พัช” เผชิญหน้า “หนุ่ม-กรรชัย” ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” แจง 20 ล้าน เป็นเงินค่าดำเนินการภาพรวม ทำ “หนุ่ม-กรรชัย” ฉุนว่าแถ “อี้-แทนคุณ” ปูด “ฟิล์ม” มีอีกคดี 60 ล้านบาท แถมอาจมีทนายดังโดนด้วย “รองเต่า” ยืนยันบังคับใช้กฎหมาย “เจ๊พัช” คดีรีดทรัพย์ดิ ไอคอน กรุ๊ป สัปดาห์นี้ สอบ “บอสพอล” ในเรือนจำแล้ว ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ส่วนคดีแอบอ้างตบทรัพย์ ตำรวจเตรียมเชิญ “หนุ่ม-กรรชัย” สอบปากคำ แต่เป็นคดีลหุโทษ ได้แค่ออกหมายเรียก
การสืบสวนคลี่คลายบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต หลังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงแม่ข่ายและผู้เกี่ยวข้อง คุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้วทั้ง 18 คน ต่อมาโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาแจ้งข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงฯ เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ 18 บอสในเรือนจำตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
...
ทนายแฉคลิปรีด 20 ล้านบอสปัน
ความคืบหน้าจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 พ.ย. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยมลูกความว่า วันนี้ตนมาคุยเรื่องงาน อาจไปพบบอสปัน หรือ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพรด้วย แต่เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ตนคุยกับบอสปันก่อนนายกรรชัย กำเนิดพลอย จะเปิดคลิปเสียง ตนบอกบอสปันว่า คลิปเสียงถึงมือหนุ่ม-กรรชัย แล้วนะ บอสปันตกใจว่า คลิปเสียงไปถึงมือคุณหนุ่มได้อย่างไร ตนไม่ได้ส่งให้ อาจเป็นน้องๆที่เขากู้คลิปเสียงได้แล้วส่งให้ไปก่อน เพราะฝั่งเราเองพยายามกู้ไฟล์คลิปเสียงนี้มาพักใหญ่แล้ว เพราะมันอยู่ในคลาวด์ อีกทั้งยังอยู่ในโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่ตำรวจยึดไป แต่ทางเราจำได้ว่ามีไอคลาวด์อยู่
ยันมีอีกคลิปยาว 1 นาที 35 วินาที
“เรื่องนี้ผมทราบข้อมูลมานานแล้ว เพิ่งได้ฟังใกล้ๆกับคุณหนุ่ม ส่วนคนที่อยู่ในคลิปเสียงกล่าวอ้างว่าเป็นการตัดต่อนั้น สำหรับคลิปเต็มที่ส่งให้ฟัง มันเป็นคลิปเดียวกัน แต่อันที่เปิดในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ถ้าจะเปิด 29 นาทีเต็มคงเปิดไม่ได้ ทางรายการเลยต้องตัดซอยเป็น 2 คลิปและเซ็นเซอร์บางส่วนไว้ ยืนยันว่าเป็นคลิปเดียวกันที่มีความยาวทั้งหมด 29 นาที ผมยังมีอีกคลิปความยาว 1 นาที 35 วินาที เป็นคลิปเสียงต่อเนื่องกันมา เกิดขึ้นหลังจากรายการ THE STANDARD ออกเพจเฟซบุ๊ก ทำนองว่าจะเปิดตัวบุคคลหนึ่งเป็นที่แรก (หมายถึงบอสพอล) ทำให้คลิปเสียง 1 นาที 35 วินาทีนี้ เป็นเนื้อหาการโทร.มาคุยว่า จะออกรายการกับหนุ่ม-กรรชัย วันที่ 14 ต.ค. เหมือนกับว่าทางฟิล์มจะให้เราไปออกรายการโหนกระแส ไม่ต้องไปรายการ THE STANDARD ภายในคลิปเสียงสนทนาไม่ได้ข่มขู่ เพราะภาษากฎหมายการข่มขู่คือ การถูกข่มขู่เอาชีวิต หรือทำให้เสียชื่อเสียง แต่คลิปเสียงที่สองนี้เหมือนแค่อยากให้เราไปออกรายการโหนกระแสเป็นหลัก” ทนายบอสพอลกล่าว
อัดโหนกระแสชี้นำสังคม
นายวิฑูรย์กล่าวอีกว่า สำหรับคลิปเสียงแรกความยาว 29 นาที มีเนื้อหาเป็นการเรียกรับผลประโยชน์ ยึดตามเนื้อหาในคลิป ตนเข้าใจว่าคุณกรรชัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดนแอบอ้างจริง แต่ในคลิปนี้ตนเห็นด้วยกับทั้ง 2 ท่านอย่างหนึ่งคือ รายการโหนกระแสเป็นรายการที่สามารถกำหนดทิศทางของสังคมได้ อันนี้พูดกันตรงๆไม่ได้อ้อมค้อม จะให้เรื่องไหนชี้ไปทิศทางไหนโดยสังคมเป็นผู้กำหนด รูปแบบของรายการจะเป็นเหมือนกับว่า โอเค คุณไปตัดสินเอาแล้วกัน แต่แฟนคลับรายการเป็นกลุ่มใหญ่ พอรายการนำเสนอไปทิศทางไหน เขาจะเชื่อไปในทิศทางนั้น
ยกตัวอย่างคดีป๋าเบียร์แม่ตั๊ก
“นอกจากนี้ในคลิปเสียงยาว 29 นาที กล่าวถึงคดีก่อนหน้านั้นที่กระแสสังคมบีบคั้นคือ คดีป๋าเบียร์แม่ตั๊ก เป็นคดีหนึ่งที่ไปท้าทายรายการโหนกระแส อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าคุณกรรชัยไม่เกี่ยวข้อง เพียงแต่ตำรวจแอ็กชันตามรายการ กล่าวคือดำเนินคดีกับแม่ตั๊กป๋าเบียร์เต็มที่จับเข้าคุก ตอนนี้ยังประกันตัวไม่ได้ ตอนนี้กระแสเงียบไปแล้ว ดิ ไอคอนก็เป็นหนึ่งในแนวทางนั้น ตอนคุยกันก่อนไปรายการโหนกระแสวันที่ 14 ต.ค. ทุกคนตกเป็นจำเลยสังคมมักกลัวรายการโหนกระแส เลยกลายเป็นช่องทางให้คนกลุ่มนี้หากินกับความกลัว ทำให้รู้สึกว่ารายการโหนกระแสเป็นรายการต้นน้ำ มีการเขียนสคริปต์นะ กล่าวอ้างว่าคุยกับคุณหนุ่มได้ หรือการที่นักร้องเรียนหญิงกล่าวว่า มี 100 ล้านบาท จ่าย 20 ล้านบาทเป็นต้น แล้วอ้างว่าเขียนสคริปต์แบบนี้ออกรายการ 3 คน มีฝั่งผู้เสียหายคือ คุณพัช ฝั่งของคนที่โดนคดีมาก่อนและต้องพิสูจน์ตัวเองคือคุณฟิล์ม และคุณพอลคือจำเลย ในวันนั้นคุยกันว่า มีพี่หนุ่มเป็นพิธีกรรายการ กลายเป็นว่ารายการโหนกระแสจะโจมตีกล่าวหา แต่จะไม่มาก สุดท้ายสคริปต์จะออกไปในทำนองว่า คุณเป็นคนดีของสังคม งั้นคุณไปแก้ไขให้ถูกต้องแล้วกันเรื่องเยียวยาผู้เสียหายและจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง” ทนายวิฑูรย์กล่าว
...
ส่งคลิปรีด 20 ล้านให้ตำรวจแล้ว
นายวิฑูรย์กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ไม่ได้จ่ายเงิน 20 ล้านบาท ถ้าถามว่ามีเงินหรือไม่บริษัทมีเงินอยู่แล้ว แต่อยู่ดีๆจะเอาเงิน 20 ล้าน ออกจาก บริษัทฯ แล้วนำไปจ่าย จ่ายเป็นเงินสดคงไม่เมกเซ้นส์ และในช่วงนั้นถามว่าจะจ้างพีอาร์ทำไม ในเมื่อกำลังเป็นคดีความ คนที่ควรจ้างคือ ทนายความหรือไม่ บังเอิญช่วงนั้นพวกตนเริ่มมารับงานแล้ว คุณพอลไปออกรายการโหนกระแสวันที่ 14 ต.ค. แต่คลิปเสียงคุยกันน่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 11 ต.ค. ประมาณวันที่ 9-10 ต.ค.จำวันที่ไม่ได้ และไม่ได้ถามรายละเอียด ทั้งนี้ วันที่ 12 พ.ย.ตนส่งคลิปเสียงทั้งหมดให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.และ บก.ป.แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวคลิปเสียงทั้งหมดนี้อยู่ในโทรศัพท์ของบอสปัน ตำรวจยืนยันว่าไม่มีมาก่อน ตนเลยส่งให้
ดิ ไอคอนไม่ได้ฟอกขาวตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกล่าวอ้างถึงหนุ่ม-กรรชัย และอ้างว่ามีสคริปต์รายการเช่นนี้ ถือเป็นการฟอกขาวให้ตัวเองหรือไม่ นายวิฑูรย์กล่าวว่า ทางบอสปันคงจะเครียด เพราะตอนนั้นมีคดี คงไม่ได้จะฟอกขาวอยู่แล้ว พร้อมสู้คดีตามกระบวนการ สิ่งที่ทุกคนกลัวกันคือ กลัวการตัดสินของสังคม เพราะกระแสสังคมมีส่วนที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมมันล้อไปตามกระแสสังคม เช่น ในคดีดิ ไอคอนจะเห็นได้ชัดว่า เริ่มแจ้งความเมื่อวันที่ 11 ต.ค.เป็นต้นมา แล้วมาเริ่มกระแสแรงวันที่ 15 ต.ค. ที่มีกลุ่มอเวนเจอร์รวมตัวกันพาผู้เสียหายมาร้อง จนทำให้วันที่ 16 ต.ค.บรรดาบอสถูกจับกุม ถามว่าทิศทางของกระแสสังคมที่มันเกิดขึ้นกับบอสทุกคน ทำให้เราถูกดำเนินคดีถูกหมายจับทั้งๆที่เราไปแสดงตัวว่า เราจะให้การอยู่แล้วตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. แต่วันเสาร์วันอาทิตย์ก็เงียบไป พอวันจันทร์ที่ 14 ต.ค. ออกรายการโหนกระแส วันที่ 15 ต.ค. เราพักเบรกหนึ่งวัน วันที่ 16 ต.ค. โดนจับ
...
ยุติธรรมถูกสื่อชี้นำ
“จะเห็นได้ว่ากระบวนการยุติธรรมจะตามกระแสสังคม กระแสสังคมบอกว่าเราผิด กระบวนการยุติธรรมจะล้อตามนั้น นี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้น นี่คือข้อเท็จจริงที่เห็นกันอยู่ทั่วไป กระบวนการยุติธรรมล้อไปตามกระแสสังคม พอมีการจับกุมฝากขังศาลก็ไม่ให้ประกัน เพราะอาจหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน บวกกับกระแสสังคมช่วงเวลานั้น จนทำให้ทั้ง 18 คน ไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องประกันตัว ผมอยากจะฝากว่ามันควรถึงเวลาแล้วที่กระบวนการยุติธรรมจะเป็นหลักนำประเทศ ไม่ใช่ปล่อยให้สื่อสารมวลชนหรือกระแสสังคมเป็นหลักชี้นำ ควรชั่งน้ำหนัก ทุกรายการไม่ใช่โหนกระแสอย่างเดียวควรซอฟต์ลงมา อย่าไปทำรายการชี้นำทางใดทางหนึ่ง มันไม่ค่อยดีกับเรื่องราวที่ยังไม่มีผิดไม่มีถูกแบบนี้” ทนายวิฑูรย์กล่าว
ไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีมดังกล่าวมาทุบ มาไถ มารีดทรัพย์หลายครั้งแล้วหรือไม่ และได้รับเงินไปบ้างหรือเปล่า ทนายวิฑูรย์กล่าวว่า เท่าที่สอบถามน้องๆพนักงานพบว่า มีมาหลายครั้ง ยังไม่ได้คุยรายละเอียด มีบ้างเป็นประปราย ขอไปคุยรายละเอียดกับน้องๆพนักงานก่อน ถามว่าทางเจ๊พัชให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะทั่วไทยเมื่อช่วงเช้ามองว่า เป็นการดิสเครดิต นายวิฑูรย์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตหรอก เพราะคลิปเสียงตนไม่ได้เป็นคนปล่อย และอีกอย่างคลิปเสียงเราไม่อยากปล่อยให้ใครด้วยซ้ำ เพราะควรเก็บไว้ใช้ในกระบวนการยุติธรรมดีกว่า ตนไม่ได้ประโยชน์จากการดิสเครดิตเขา ไม่ได้เป็นประโยชน์จากเรื่องนี้
แจงอัดคลิปเพราะไม่เชื่อใจ
“ยืนยันว่าบอสปันไม่เคยมีความคิดจะนำคลิปเสียงไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่บันทึกคลิปเสียงเพราะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าจ่าย 20 ล้านบาทแล้วจะสามารถเขียนสคริปต์รายการโหนกระแสได้จริงหรือไม่ พอคืนวันที่ 13 ต.ค. เชื่อโดยสนิทใจว่า การจะจ่ายเงิน 20 ล้าน พี่หนุ่ม-กรรชัยคงไม่เขียนให้หรอก พี่หนุ่มไม่ใช่คนเอาตังค์ พี่หนุ่มไม่ใช่คนเรียกรับเงินใครอยู่แล้ว เลยมาชัวร์ตอนสุดท้าย จึงเก็บหลักฐานไว้เผื่อมีปัญหาในอนาคต” ทนายวิฑูรย์กล่าว
...
เตรียมแจ้งความดำเนินคดี
ทนายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ขอย้ำว่ายังมีคลิปเสียงอีกเยอะ ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง ฟิล์มไม่ได้รับจ้างทำพีอาร์กับบริษัท จริงๆแล้วไม่ได้อยากดำเนินคดีกับใคร พอไฟล์คลิปเสียงมันออกมาเช่นนี้ สถานการณ์ไปแบบนี้ อย่างแรกคือเป็นเรื่องระหว่างหนุ่ม-กรรชัยและพวกเขา เรื่องที่สองคือ เป็นเรื่องระหว่างฝั่งบอสปันและบอสพอลกับ 2 ท่าน วันนี้อาจต้องคุยกันว่าอย่างไร คุยไว้บ้างแล้ว หากต้องดำเนินคดีได้ก็ต้องดำเนินคดี เช่น อาจพิจารณาดำเนินคดีพยายามฉ้อโกง เพราะพยายามเรียกเงิน 20 ล้านบาท อ้างว่าไปจ่ายหนุ่ม-กรรชัย แต่หนุ่ม-กรรชัยไม่ได้รับ แล้วไม่รู้เรื่อง
ปัน–พอลยันไม่เคยจ้างพีอาร์
ทนายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีฟิล์ม-รัฐภูมิ เคยเจอบอสพอล เคยทานข้าว เคยร่วมกิจกรรมกันมาก่อนหรือไม่นั้น ตนไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ คนที่ดึงเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นกฤษอนงค์ที่โทร. หาฟิล์มตามในคลิปเสียง ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยกันมาก่อนหรือไม่ ยืนยันว่าเรื่องพีอาร์ไม่เกี่ยวข้อง และไม่รู้ว่าคุณฟิล์มเคยเดินทางเข้าบริษัทหรือไม่ และเรื่องว่าจ้างเป็นพรีเซนเตอร์ตนก็ไม่ทราบ เดี๋ยวขอเข้าไปสอบถามบอสพอลก่อน ถ้าดูการแถลงให้สัมภาษณ์ของฟิล์มเมื่อวานนี้ เหมือนว่าเขาพูดคุยกับคุณพัชมาก่อนเรื่องการพีอาร์ต่างๆ พอมาฟังคลิปเสียงมันไม่ได้มีเรื่องการประชาสัมพันธ์องค์กรเลย ดังนั้น เป็นเรื่องที่ทั้งฟิล์มและพัชต้องชี้แจงกันเอง บอสปันกับบอสพอลยืนยันว่า ไม่มีเรื่องพีอาร์มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
เจ๊พัชเผชิญหน้า “กรรชัย”
กรณีคลิปเสียงอ้างว่าเกี่ยวข้องกับคดีรีดทรัพย์ 20 ล้านจากทีมบอสบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จํากัด ที่มีตัวละครสำคัญคือ บอสดิ ไอคอน กรุ๊ป นักร้องสาวเจ๊พัช-กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ และศิลปินดัง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อ้างชื่อพิธีกรดัง หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ไปเรียกเงิน 20 ล้านเพื่อออกรายการโหนกระแสนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เปิดคลิปเสียงฉบับเต็ม 29 นาทีในรายการ ก่อนโฟนอินเข้าสายกับพัช- กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ให้ชี้แจง ยืนยันว่า ไม่ได้ตบทรัพย์ เพียงแต่เสนอแผนงานแก้ปัญหาให้บริษัทดิ ไอคอนฯ วงเงินค่าจ้างที่ตกลงกันคือ 20 ล้านบาท ช่วงหนึ่งระหว่างการสัมภาษณ์ หนุ่ม-กรรชัย เดินเข้า มาฟังในสตูดิโอ แต่สรยุทธบอกว่า ให้เข้ามานั่งเลย มาถามได้เลย หนุ่ม-กรรชัย ถามว่า ตั้งราคาตนที่ 20 ล้านเหรอ กฤษอนงค์ตอบว่า ไม่ เพราะ 20 ล้าน เป็นมูลค่าของแผนงานเท่านั้น หนุ่มตีมูลค่าไม่ได้
“พัช” ยัน 20 ล. เป็นแผนงานรวม
หนุ่ม-กรรชัย เผยต่อว่า ตนมีหลักฐานอีกทั้งไลน์ที่คุยกับฟิล์ม แล้วฟิล์มกับกฤษอนงค์อ้างว่า เป็นค่าไปพีอาร์ ความจริงฟิล์มส่งข้อความมาตั้งแต่แรก ทำให้รู้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น มันแตกต่างกับที่พูด สิ้นเชิง กฤษอนงค์ตอบว่า สิ่งที่ตนคุยกับฟิล์มเป็นมุมเดียว สิ่งที่ตนคุยกับบอสปันเป็นภาพรวม ฉะนั้นสิ่งที่ตนคุยกับฟิล์มเป็นเรื่องของสื่อ ที่เลือกโหนกระแส เพราะเป็นจุดเริ่มต้นและคนฟังรายการเยอะมาก 20 ล้านบาท เป็นภาพแผนงานของตน ไม่ได้เกี่ยวว่าต้อง ไปจ่ายหนุ่ม เงิน 20 ล้านบาท ไม่ใช่ตบทรัพย์เป็นแผนงานที่สุดท้ายไม่ซื้อและไม่จ่าย
“หนุ่ม–กรรชัย” อัดว่า แถ
ขณะที่หนุ่ม-กรรชัย กล่าวว่า ไม่ควรไปเรียก เงิน 20 ล้านบาท “ผมไม่ได้กินหญ้า และเชื่อว่าคนที่ดูก็ไม่ได้กินหญ้า สิ่งที่คุณพูดมา ภาษาชาวบ้านเลยนะ เขาเรียกว่า แถ” ต่อมาในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ หนุ่ม-กรรชัย ยังเปิดเผยแชตหลักฐานไทม์ไลน์การพูดคุยกับนักร้องหนุ่ม ฟิล์ม-รัฐภูมิ ส่งข้อมูลเกี่ยวกับดิ ไอคอน ให้เพื่อช่วยเหลือ ยืนยันว่า ฟิล์มรับรู้เรื่องทุกอย่าง
“อี้” ปูด “ฟิล์ม” อีกคดี 60 ล้าน
ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวถึงกรณีฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ระบุคลิปเสียงเรียกเงิน 20 ล้านบาทจากบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ถูกตัดต่อว่า ไม่ต้องมาพูดว่าตัดต่อ หรือเอไอ นายรัฐภูมิมีประเด็นนี้ค่อนข้างเยอะ ยังมีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง การที่นายรัฐภูมิตอบโต้ไม่ได้รับเงิน 20 ล้านบาท ข้อมูลที่ได้มาไม่ใช่แค่ได้รับ 20 ล้านบาท มีเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย ข้อมูลที่ได้มาคือ 60 ล้านบาท มีผู้เสียหายเคยให้ข้อมูลตน เป็นผู้เสียหายอยู่ที่ภาคใต้ แต่ตอนนั้นเห็นว่า เรื่องเข้าสู่กระบวนการไปแล้วไม่อยากเปิดแผลใคร ถ้าไปถามนายรัฐภูมิก็รู้ว่า หมายถึงอะไร ขอให้พูดความจริง อย่าบิดเบือนโทษคนอื่น ถ้าผิดก็ยอมรับ สังคมให้อภัย
อาจมีทนายดังโดนด้วย
ถามว่านายรัฐภูมิ เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เรื่องนี้โยงไปถึงเทวดา นายรัฐภูมิเป็นหนึ่งในแนวร่วมเทวดาหรือไม่ นายแทนคุณตอบว่า อาจเป็นไปได้ เพราะเป็นคนที่เกี่ยวข้อง เคยพูดถึงเทวดาที่ขณะนี้ไปอยู่รัฐบาล ที่ไม่ใช่ ส.เล็ก มี ส.เล็กกับ ส.ใหญ่ ส.ใหญ่อาจเป็นเทวดาตัวจริงที่มีอำนาจจริงๆ นายรัฐภูมิอาจพยายามเข้าหากลไกอำนาจ เพื่อช่วยเหลือตัวเองหรือไม่ ตอนนี้สังคมไม่อยากให้จบแค่นี้ มีข้อมูลอีกหลากหลายที่จะไหลเข้ามาเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ความผิดของบอสทั้งหลายต้องไม่ถูกกลบด้วยเรื่องดราม่าต่างๆ ตามข้อมูลที่ได้มาเร็วๆนี้อาจมีทนายดังบางคนโดนด้วยอีกคน
ประชุมคดี “เจ๊พัช” รีดดิไอคอน
ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เวลา 15.30 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป.ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนักร้องเรียน ก.ข่มขู่เรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิ ไอคอนกรุ๊ป ใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชม. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า คดี น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ นักร้องเรียนหญิงถูกกล่าวหาว่ากรรโชกทรัพย์ผู้ต้องหาเครือข่ายดิ ไอคอนฯ เราสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานคืบหน้าไปแล้วประมาณ 80 - 90 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายภายในอาทิตย์นี้
คดีกรรชัยกำลังดำเนินการ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องหนุ่ม-กรรชัย พิธีกรชื่อดัง ส่งทนายความมาร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีคลิปเสียงกฤษอนงค์พูดคุยกับฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องดัง ในเรื่องหมิ่นประมาท เบื้องต้นเป็นของพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงเตรียมประสานทนายบอสพอลให้นำหลักฐานและคลิปวิดีโอต่างๆ แจ้งความเพิ่มเติมกับทั้ง 2 คนในคดีพยายามฉ้อโกง รวมถึงแจ้งความดำเนินคดีกับกฤษอนงค์เรื่องเกี่ยวกับกรณีจ้างงานแล้วไม่ได้ดำเนินการอีก 1 คดี ในกรณีหลังอยู่ระหว่างการตั้งเรื่องคดี รอให้ทนายบอสพอลนำหลักฐานข้อมูลมามอบให้ ส่วนคดีเอกสายไหมต้องรอดกุเรื่องพยานหลักฐานเท็จ ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภายในสัปดาห์หน้าจะเริ่มชัดเจนเช่นเดียวกัน
สอบปัน–พอลในเรือนจำแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กฤษอนงค์โพสต์ข้อความว่า เป็นคนกลางช่วยเคลียร์หรือไกล่เกลี่ยคืนเงินให้ผู้เสียหาย จะมีผลต่อคดีหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า เป็นคนละกรณี ต้องทำความเข้าใจให้ดีว่า กรณีที่ถูกดำเนินคดีคือเรื่องไปกรรโชกทรัพย์ 3 แสนบาทกับ 4.5 แสนบาท ขณะที่กรณีฟิล์ม-รัฐภูมิ จากการสอบถามทนายบอสพอลทราบว่า เจ้าตัวยืนยันจะดำเนินคดี ขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐาน อาทิ คลิปเสียงฉบับเต็มที่ปรากฏออกมา รวมถึงวันนี้ตำรวจยังเข้าไปสอบปากคำบอสพอลและบอสปันในเรือนจำแล้ว คงเหลือการสอบปากคำพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มเติมอีก 3-4 ปาก รวมถึงเชิญหนุ่ม-กรรชัย พิธีกรชื่อดังมาเข้าให้ปากคำ ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้ามีโอกาสพูดคุยกับหนุ่ม เจ้าตัวยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเต็มที่
คดีศาลแขวงออกหมายเรียก
“จากการตรวจสอบข้อมูลคลิปเสียง รวมถึงสอบพยานต่างๆทราบว่าพฤติกรรมของคุณฟิล์มคล้ายกับการฟอกขาว มีการพูดปลอบให้จ่ายเงินโดยใช้ข้อมูลเท็จ แอบอ้างว่าพูดคุยกับคุณหนุ่มกรรชัย มีการนัดหมายจะพาไปพบหรือออกรายการ แต่จริงๆไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่จริง เป็นการอุปโลกน์ขึ้นมาให้เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ พฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายพยายามฉ้อโกง มีอัตราโทษ 2 ใน 3 ของข้อหาฉ้อโกงจะอยู่ในส่วนศาลแขวง อาจเป็นการเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว
ไม่กดดันทำตามเนื้อผ้า
ต่อข้อซักถามการที่ฟิล์ม-รัฐภูมิ อยู่ในสังกัดพรรคการเมืองจะมีผลต่อคดีหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะเราต้องการทำทุกอย่างให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย สิ่งที่ ทำไปไม่ได้กลั่นแกล้ง ทำตามข้อเท็จจริง ไม่มีคำว่า กลัวออกมาจากการทำงาน ผบ.ตร. เน้นย้ำชัดเจนว่า ต้องชี้แจงสังคมได้ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องปัดกวาดบ้านเมืองให้ดีขึ้น แม้กระทั่งกลุ่มชมรมช่วยเหลือสังคม หรืออินฟลูเอนเซอร์ต่างๆที่มีทั้งดีและไม่ดี บางทีเป็นนางฟ้า บางทีอาจเป็นมาร อยากบอกชาวบ้าน ที่จะขอความช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ให้มาเข้าพบตำรวจโดยตรงเลยจะดีกว่า ไม่งั้นอาจถูกเรียกเงิน หรือตกเป็นเหยื่อซ้ำอีก ถามย้ำอีกว่า น.ส.กฤษอนงค์ และฟิล์ม-รัฐภูมิ เคยมีพฤติกรรมแบบนี้กับบอสคนอื่นอีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า ตอนนี้ขอทำ เป็นเรื่องๆไปก่อน
“บอสพอล” แฉถูก “เจ๊พัช” ขู่
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เวลา 16.00 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความบอสพอล เผยหลังเข้าเยี่ยมบอสพอลนานกว่า 5 ชม. อีกครั้งว่า วันนี้ตนพูดคุยกับบอสพอลถึงคดี ดิ ไอคอนฯ มีการปรึกษากันถึงสาเหตุต่างๆกับทางบรรดาบอส ประชุมพร้อมกันในห้องเยี่ยม ทนายความ ทั้งในส่วนของบอสปีเตอร์ บอสโอม โค้ชแล็ป และบอสวิน รวม 5 คน ส่วนนายกันต์ กันตถาวร ตนคุยกับทนายความของคุณกันต์อีกห้อง เป็นการคุยเรื่องคลิปเสียงที่สองความยาว 1 นาที 35 วินาที บอสพอลแจ้งมาว่า ต้นเหตุของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย.-ก.ค. เหตุการณ์ที่บริษัท ดิ ไอคอนฯ โดนเรียกเงินครั้งแรก เป็นเจ๊พัช หรือ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ โทร.มาอ้างว่า มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง ยอดความเสียหาย 15 ล้านบาท จะให้เขารับหรือไม่รับทำ ถ้ารับจะพาผู้เสียหายไปออกสื่อ พาไปร้องที่ ปคบ. หรือ สคบ. รวมถึงร้องเรียนหน่วยงานรัฐด้วย ทำให้บอสพอลเป็นกังวลว่า บริษัทจะเสื่อมเสียยอมเจรจากับกลุ่มคนที่อ้างเป็นผู้เสียหาย 83 คน บางคนไม่มีสินค้า บางคนเบิกสินค้าไปขายหมดแล้ว บางคนไม่มีสินค้าค้างกับบริษัท
จ่าย “เจ๊พัช” 8.3 ล้านจุดเริ่มต้น
“คนกลุ่มนี้ถูกคุณพัชพามาร้องเรียนกับบอสพอล เจรจากับบริษัทเมื่อเดือน ก.ค. จ่ายเงินไปแล้ว 8.3 ล้านบาท แบ่งเป็นจ่ายให้ผู้เสียหาย 7 ล้านกว่าบาท และจ่ายเป็นค่าดำเนินการให้คุณพัช 4.5 แสนบาท ตามที่กล่าวอ้าง เป็นการโอนเงินเข้าบริษัท ส่วน 3 แสนบาทให้เงินสด ทั้งนี้ จ่ายคือจบ ส่วนเนื้อหาการ จ่ายเงินครั้งนี้คือ จ่ายแล้วให้เก็บความลับไว้ เพราะบริษัทกลัวจะไปแจ้งคนอื่นมาเรียกร้องกับบริษัทอีก เมื่อจ่ายเงิน 8.3 ล้านบาทแล้ว คนกลุ่มนี้เอาข้อมูลไป ปล่อยในเพจผี เพจเฟซบุ๊ก และเริ่มโจมตีบริษัทช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. จนเป็นที่รู้กันว่า เคยมีการเคลียร์เกิดขึ้น เริ่มมีพฤติกรรมเอาอย่าง เหตุการณ์เริ่มบานปลาย อีกทั้งเรายอมจ่ายไปแล้วเราจะไม่จ่ายอีกแล้ว” ทนายวิฑูรย์กล่าว
นักร้องเรียนรุมกินโต๊ะ
ทนายบอสพอลกล่าวต่อว่า ในช่วงเดือน ก.ย.- ต.ค. เกิดการรวมตัวของผู้ที่อ้างว่าเสียหาย เริ่มมา เป็นเรื่องในรายการโหนกระแสต้นเดือน ต.ค. และ เริ่มมีเพจผีแสดงข่าว ดิ ไอคอนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้น พอไม่จ่ายเงิน ปัญหาเลยเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่มาของคลิปเสียง 2 คลิป คือ คลิปเสียงที่มีเนื้อหา ว่าจ้างหนุ่ม-กรรชัย 20 ล้านบาท เพื่อเขียนสคริปต์ ช่วงเวลาดังกล่าวมีการปล่อยข่าวปลอมว่าสินค้าของ ดิ ไอคอนไม่มี อย. ทั้งๆที่สินค้ามี อย.ทุกตัว หรือข่าวปลอม ว่าสินค้าไม่มีในโกดัง ที่จริงมีสินค้าในโกดังน้อยเพราะคนเบิกไปก่อน แต่ก่อนหน้านั้นสินค้าก็มีอยู่
ไม่จ่ายพวกรีดเลยเป็นเรื่อง
ทนายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ตนถามคุณกันต์ กันตถาวรแล้วว่า คุณฟิล์มติดต่อมาจริงไหม คุณกันต์ พูดผ่านทนายความมายังตนว่า “ไม่จริง” คือ คุณฟิล์ม ไม่เคยติดต่อมาเลย แต่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจคุณพลอย (ภรรยาของกันต์) และฟิล์มไม่เคยติดต่อให้คุณกันต์ไปออกรายการโหนกระแส เพราะไม่มีความคิดที่จะไป อยู่แล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นกับดิ ไอคอน มันเกิดจากกลุ่ม คนที่ขายของไม่ได้แล้วไปหาทนายกลุ่มนี้ อยากได้เงิน พอเราไม่จ่ายกลายเป็นกระแสสังคมช่วงนั้นชี้นำกระบวนการยุติธรรมพอสมควร วันนี้ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงเลยว่า เราฉ้อโกงพวกเขาอย่างไร
ขอประกันเพราะทำงานยาก
ทนายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า คดีของดิ ไอคอน เกิดจาก กลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์แล้วมาเล่นงานบริษัท ส่วนที่มีผู้เข้าแจ้งความจำนวนมาก เพราะส่วนหนึ่งเป็นผู้เสียหายอุปาทานหมู่ พอเห็นข่าวแล้วเห็นว่า ตนเคยซื้อของกับดิ ไอคอน กรุ๊ป อาจเกิดข้อสงสัยเข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้เสียหาย สมาชิกทั้งหมดของดิ ไอคอน กรุ๊ป มีมากกว่า 300,000 คน แต่พบว่า ยอดการแจ้งความประมาณกว่า 10,000 คน ยังไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่คนสงสัยว่า หากไม่มีหลักฐานแน่จริงตำรวจคงไม่ออกหมายจับ ตนมองว่า บางคดี ถูกหมายจับไปแล้วท้ายที่สุดศาลยกฟ้อง การที่ฝั่งตน ถูกจำคุกทำให้ทำงานยากลำบาก