เรื่องที่ 16 การเดินทางไปโลกพระจันทร์ครั้งที่ 2 หนังสือนิทานโกหกเยอรมัน ของบารอน ฟอน มึนช์เฮาเซ่น พระราชนิพนธ์แปล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (นานมีบุ๊คส์ พับลิเคชั่นส์ พิมพ์ ต.ค.2557) นี่คือนิทานที่ท่านบารอนเล่าให้มิตรสหายฟัง มีคนจำเอามาคัดลอกบอกต่อๆกัน 250 ปีที่แล้ว

ผมขอคัดย่อเนื้อหาเท่าที่พอลงในคอลัมน์ดังต่อไปนี้

พวกคุณเคยจำได้ไหมว่าฉันเคยปีนขึ้นไปบนพระจันทร์มาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อไปเอาขวานเงินของฉันที่ลืมทิ้งไว้กลับมา ต่อมาภายหลังฉันต้องไปพระจันทร์เป็นครั้งที่สอง...

เราเริ่มเดินทางไปจนถึงทะเลใต้ ไม่ได้เจออะไรที่น่าจะนำมาเล่า นอกจากผู้ชายผู้หญิงที่บินได้ต่างเต้นมินูเอ็ดกันอยู่ในอากาศ จนถึงวันที่ 18 เมื่อแล่นผ่านเกาะโอตาเฮลีมาแล้วนั่นซี การผจญภัยที่ตื่นเต้นจึงเริ่มขึ้น

คือได้เกิดลมมรสุมใหญ่น่าสยองขวัญพัดเหวี่ยงเรือของเราลอยขึ้นสูงเป็นพันไมล์ในอากาศ เราแล่นไปเหนือเมฆอยู่หกอาทิตย์กับหนึ่งวันท่ามกลางกระแสลมที่พัดอยู่ตลอดเวลา

จนกระทั่งไปถึงดินแดนใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นลูกกลมๆ เรืองแสงระยิบระยับเป็นประกาย เหมือนเป็นเกาะที่ส่องแสง เราแล่นเข้าไปถึงอ่าวที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง ทิ้งสมอที่ริมฝั่ง...

ในไม่ช้าเราก็พบว่าเกาะนั้นคือพระจันทร์นั่นเอง

ชาวบ้านบนพระจันทร์ขี่อีแร้งสามหัวไปในอากาศยังกับขี่ม้า ตอนนั้นกำลังมีสงครามกับพระอาทิตย์ กษัตริย์พระจันทร์ได้เสนอตำแหน่งนายทหารให้ฉัน แต่ฉันปฏิเสธ

เพราะได้ยินว่าเขาใช้หัวไชเท้าเป็นหอกและเห็ดเป็นโล่ การทำสงครามด้วยผักแบบนี้ฉันไม่เอาด้วยหรอก...

นอกจากมนุษย์ยักษ์ ฉันได้พบผู้คนที่อยู่บนดาวหมาด้วยนะ พวกนี้ลอยไปลอยมาในนภากาศในฐานะพ่อค้าที่ขยันขันแข็ง มองดูเหมือนหมาบูลด็อกตัวโต มีตาขวาและตาซ้ายอยู่ใต้จมูก

...

เนื่องจากพวกเขาไม่มีเปลือกตา เวลาจะนอนต้องแลบลิ้นมาปิดตาไว้ ชาวเมืองดาวหมาตัวสูงประมาณ 20 ฟุต ชาวเมืองพระจันทร์นั้นสูงถึง 30 ฟุต เขาไม่เรียกตัวเองว่าชาวพระจันทร์ แต่เรียกว่าตัวหุงต้มบนเตา

เพราะเขาหุงต้มทำกับข้าวบนเตาไฟเหมือนพวกเรา เขาใช้เวลากินข้าวน้อยมากเลย แค่เปิดท้องด้านซ้าย ผลักอาหารเข้าไปตรงๆในกระเพาะก็เสร็จ แล้วก็กินเดือนละครั้ง สรุปได้ว่า 12 หนต่อปี...

พูดได้ว่าชีวิตของพวกเขาสบายมาก สัตว์ต่างๆบนโลกพระจันทร์รวมทั้งตัวหุงต้มต่างงอกและเจริญเติบโตบนต้นไม้ พอยาว 6 ฟุตก็สุก เก็บได้เหมือนเก็บลูกนัตตอนสุก

เก็บได้ช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็เอาโยนใส่น้ำร้อน 2-3 ชั่วโมง สัตว์เหล่านี้ก็สมบูรณ์ดี กระโดดออกมาใช้ชีวิตได้

ตัวพวกนี้แต่ละตัวเกิดมาพร้อมความรู้ เตรียมทำงานมาล่วงหน้าแล้วก่อนเกิด ไม่ว่าจะเป็นทหาร เป็นศาสตราจารย์ พระ หรือชาวนา พอเกิดก็ทำงานไปตามสายนั้นๆเลย

มนุษย์บนโลกพระจันทร์เหล่านี้ มีมือที่มีนิ้วเพียงนิ้วเดียวและหนีบหัวไว้ใต้แขน ปกติเวลาจะเดินทางไปไหน ก็จะเก็บหัวไว้ที่บ้าน เขาสามารถถือลูกตาไว้ในมือ แต่ก็มองเห็นชัดปกติเหมือนว่าอยู่บนหัว

ถ้าตาข้างหนึ่งหายไปก็ไม่เป็นไร จะไปซื้อหาใหม่ที่ร้านพิเศษได้ มีทุกสีและไม่แพง

เออ ก่อนที่ฉันจะลืม ท้องของชาวพระจันทร์น่ะเขาใช้เป็นเป้หรือกระเป๋าถือ รู้ไหม เขาใส่ของทุกๆอย่างที่จะเอาไปด้วยในนั้น เหมือนกระเป๋านักเรียนที่สามารถเปิดปิดได้ตามต้องการ

เวลาเขาแก่ตัวเขาก็ไม่ตาย แต่จะสลายหายไปในอากาศเหมือนกับควันบนหลังคา

นิทานโกหกเรื่องนี้จบแค่นี้ครับ เห็นไหม ทุกประโยคยิ้มได้ อ่านหลายๆวรรคก็หัวเราะเอิ๊กอ้าก นี่คือนิทานที่ยืนยันการโกหกบริสุทธิ์ที่สุดในโลก อ่านแล้วก็มีความสุขที่สุดในโลก

ลองปิดตา ปิดหูไม่ฟังเรื่องของโลกสักวัน เรื่องรอบๆบ้านการเมืองในประเทศ คุณชูวิทย์หายป่วยกลับมากอดกับคุณสนธิ คุณของ ร.พ.ตร. ชั้น 14 รักษาคุณทักษิณจนมีเรี่ยวแรงตั้งรัฐบาล สส.อภิปรายเอาตายในสภา คดีอั้งยี่ ดิ ไอคอน คดีทนายตั้ม ฯลฯ

นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริงๆ จนเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ทุกเรื่องก็กลายเป็นนิทานโกหก วันนี้หันไปมองหน้าใคร จะเลือกเชื่อใครคนไหน? เล่าโวย!


กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม