"เผ่าภูมิ" เปิดงานวันออมแห่งชาติ ปลุกคนไทยใส่ใจการออมกับ กอช. ชู "สลากออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ" ช่วยคนไทยเก็บออม ให้มีเงินใช้หลังเกษียณ หากออมตั้งแต่อายุ 15 จบครบเกณฑ์ ได้เงินตอนเกษียณหลักล้าน
วันที่ 31 ตุลาคม กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดกิจกรรมงานวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2567 ในงานได้รับเกียรติจาก ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "วินัยการออม เสาหลักสู่ความยั่งยืนในสังคมไทย" โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะแก่ก่อนรวย มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากวัยแรงงานที่ลดลง ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดลง และค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุของภาครัฐสูงขึ้นแบบขั้นบันได เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องเข้ามาบริหารจัดการ โดยเฉพาะการกระจายรายได้เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม และในขณะนี้ครัวเรือนไทยมีการตระหนักถึงการออมที่ค่อนข้างต่ำ รวมถึงมีพฤติกรรมจ่ายก่อนและออมทีหลัง ซึ่งเงินออมที่ไม่เพียงพอจะทำให้กลายเป็นคนยากจนในวัยเกษียณ และความไม่ยั่งยืนทางการคลังของภาครัฐเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างวิตกกังวล และเป็นโจทย์ใหญ่ว่าเราจะทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุมีรายได้ในวัยเกษียณที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และไม่กลายเป็นกลุ่มเปราะบางในสังคม
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า เพื่อจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการออมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้เป็นนโยบายที่ดีมาก และจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทย คือ "สลากออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ" ที่ดำเนินการผ่าน กอช. เป็นผลิตภัณฑ์การออมรูปแบบใหม่ที่สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออมเงินด้วยตนเอง ผ่านการสร้างแรงจูงใจในรูปแบบของเงินรางวัล เป็นการนำลักษณะนิสัยของคนไทยที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชคเสี่ยงดวงมาสร้างแรงจูงใจในการเก็บออม
...
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า สลากเกษียณฯ เป็น "สลากขูดดิจิทัล" จำหน่ายใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน ออกรางวัลทุกวันศุกร์ แบ่งเป็นรางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท 5 รางวัล และรางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท 10,000 รางวัล ผู้ถูกรางวัลจะได้รับเงินภายในวันถัดไป และหากรางวัลออกไม่ครบจะทบไปงวดถัดไป
ผู้ที่มีสิทธิซื้อได้แก่ใครบ้าง
- สมาชิก กอช.
- ผู้ประกันตน มาตรา 40
- กลุ่มแรงงานนอกระบบ ที่มีอยู่กว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ
ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ. กอช. เบื้องต้นได้มีการปรับปรุงเงื่อนไข การขยายอายุผู้มีสิทธิซื้อสลากเกษียณฯ จากเดิมอายุ 15-60 ปี เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี สามารถซื้อได้ แต่ต้องถือบัญชีซื้อสลากเกษียณฯ ไว้ต่อเนื่อง 10 ปี ถึงจะถอนเงินออกมาได้ หากเสียชีวิต เงินจะตกเป็นมรดกให้กับทายาท หรือผู้ได้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ ทั้งนี้ จะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ครม. โดยเร็วที่สุด จากนั้นจะเป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา คาดว่า จะเริ่มจำหน่ายสลากฯ ได้ภายในไตรมาส 1 ของปี 2568
"หากสมาชิกเข้าโครงการสลากเกษียณฯ และส่งเงินออมตามช่องทางปกติของ กอช. ร่วมด้วย ตั้งแต่อายุ 15 - 60 ปี (45 ปีออม) สำหรับช่องทางปกติ ออมสูงสุด 30,000 บาทต่อปี และรัฐสมทบสูงสุด 1,800 บาทต่อปี สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุน ร้อยละ 2.5 ต่อปี จะมียอดเงินในบัญชีรวม กว่า 2.6 ล้านบาท และออมร่วมกับ "สลากเกษียณ" โดยซื้อสลากทุกเดือน เดือนละ 3,000 บาท จะได้รับเงินคืน ประมาณ 1.6 ล้านบาท รวมเงินที่ได้รับ นอกเหนือสิทธิประโยชน์ รวมทั้งสิ้นกว่า 4.2 ล้านบาท และจะได้รับเงินบำนาญรายเดือนไปจนตลอดชีวิตจากการออมตามช่องทางปกติ" ดร.เผ่าภูมิ กล่าว
ด้าน นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า สมาชิกสามารถเริ่มต้นออมเงินกับ กอช. ขั้นต่ำเพียง 50 บาทต่อครั้ง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี อีกทั้งได้รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐตามช่วงอายุ ในเดือนถัดไป สูงสุด 100% หรือ ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ดังนี้
- อายุ 15 - 30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของยอดเงินออมโดยรวมกันทั้งปี ไม่เกิน 1,800 บาท
- อายุ 31 - 50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของยอดเงินออมโดยรวมกันทั้งปี ไม่เกิน 1,800 บาท
- อายุ 51 - 60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของยอดเงินออมโดยรวมกันทั้งปี ไม่เกิน 1,800 บาท
นอกจากนี้ สมาชิกยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนของเงินออมสะสม เงินสมทบที่นำไปลงทุน โดยรัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนจากการลงทุนสำหรับสมาชิกที่ออมกับ กอช. ถึงอายุ 60 ปีบริบูรณ์ และเงินออมสะสมของสมาชิกสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีสูงสุด 30,000 บาท ทั้งนี้ กอช. ยังส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา เริ่มออมกับ กอช. ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเมื่อเข้าระบบการทำงาน อาทิ เป็นข้าราชการ ก็จะมีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือ พนักงานบริษัทเอกชน มีประกันสังคม ก็จะยังได้รับสิทธิออมเงินต่อเนื่อง จนถึงอายุ 60 ปีบริบูรณ์
สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเป็นสมาชิก กอช. สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน กอช. หรือทางไลน์แอด กอช. @nsf.th เพื่อตรวจสอบสิทธิและสมัครสมาชิก เพียงระบุเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตนเอง หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน เงินออม 02-049-9000