ไวยาวัจกร ไม่ทนเดินหน้าแจ้งความเอาผิดร่างทรง "เซียงข้อง" หลังถูกกล่าวหาเป็น "ปอบ" ทำร้ายร่างกายจนอับอาย พร้อมร้องศูนย์ดำรงธรรม ตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นภรรยาของคู่กรณี
จากกรณีที่ นายจงรัก เป้าป่าเถื่อน อายุ 61 ปี ไวยาวัจกรวัดศรีชมชื่น บ้านถิ่น หมู่ 5 ต.เชียงเพ็ง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ได้แจ้งความดำเนินคดีกับร่างทรง "เซียงข้อง" ในพิธีจับปอบ ที่จัดขึ้นภายในหมู่บ้าน ที่วัดศรีชมชื่น โดยการลงขันออกเงินกันของชาวบ้าน เพื่อจ้างพระสงฆ์จาก อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี มาทำพิธี เนื่องจากหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีชาวบ้านเสียชีวิตแบบกะทันหัน ประมาณ 5-6 ราย
โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา นายจงรัก ถูกร่างทรง "เซียงข้อง" ชี้หน้าและใช้ไม้ง่ามบีบคอ กล่าวหาว่าเป็นปอบ ตัวกาลีบ้านกาลีเมือง ทำให้ได้รับความอับอาย และได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีคลิปขณะโดนกระทำและกล่าวหา เป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.กุดจับ และยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด
ล่าสุด เช้าวันที่ 30 ต.ค. 67 นายจงรัก เป้าป่าเถื่อน ได้เดินทางไปศูนย์ดำรงธรรม อำเภอกุดจับ จ.อุดรธานี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมเซียงข้อง หรือ นายอรุณ โนนสว่าง อายุ 50 ปี หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ และยังได้ร้องเรียนผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นภรรยาของร่างทรงคู่กรณี ว่ามีพฤติกรรมทุจริตเงินกองกลางวัด โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม รับหนังสือแทนนายหมวดโทอุทร เปรี้ยวปรี ปลัดอำเภอ งานศูนย์ดำรงธรรมอำเภอกุดจับ
...
หลังยื่นหนังสือร้องเรียน นายจงรัก ได้เปิดเผยว่า หลังแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ตนได้มาร้องเรียน ขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.กุดจับ ว่ามีผู้ไปทำการไล่ปอบภายในวัด และทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง อับอายขายหน้า ขาดเสรีภาพในวันนั้น ต่อหน้าบุคคลเป็น 100 คน จึงมาแจ้งศูนย์ดำรงธรรมให้ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการร้องเรียนเรื่องการทุจริตของผู้ใหญ่บ้าน โดยนายจงรัก อ้างว่า มีการโกงเงินวัด ซึ่งเป็นเงินบุญประจำปีที่ไปเรี่ยไรมาปรับปรุงทาสีโบสถ์ ผูกพัทธสีมา แต่ไม่เห็นทำเลย เมื่อเสร็จงานบุญก็เอาเงินวัดไปถือไว้ พอครบปีคณะกรรมการวัดถามหาเงิน ก็บอกว่าเงินหมดแล้ว จึงคิดว่าจึงเป็นสาเหตุทำให้คู่กรณีมาทำร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ให้ตนมีหน้าที่ ไม่ให้เข้ามาในสังคม และยังมีเรื่องทุจริตและเงินเช่าที่วัดเพื่อติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ปีละ 2 หมื่นบาท ที่สัญญาว่าจะเอาเงินเข้าบัญชีวัด แต่ก็ไม่เอาเข้าบัญชี นำเงินไปใช้
หลังเกิดเหตุ คู่กรณีที่กล่าวหาว่าตนเป็นปอบ ก็ไม่เข้ามาพูดคุย ตนก็ไปวัดเหมือนเดิมก็มองหน้าเฉยๆ ชาวบ้านบางคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะตนไม่ได้เรียนวิชาอาคม แต่คนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับคู่กรณีก็เชื่อ ส่วนคนมีวิจารณญาณดีก็ไม่เชื่อ คาดเป็นการกลั่นแกล้ง ทำลายทำให้เสียชื่อเสียง
ส่วนเรื่องคดีความ ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวัน แนะนำให้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมด้วย เพื่อช่วยกันตรวจสอบอีกแรง ซึ่งตำรวจได้นัดตนวันที่ 31 ตุลาคม ให้นำพยานมาสอบปากคำ และให้นำใบไวยาวัจกรมาด้วย ตนจึงอยากฝากทางตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่อยากให้คนกระทำลอยนวล เพราะผู้กระทำเป็นสามีผู้ใหญ่บ้าน มีเส้นสาย อยากให้ตำรวจดำเนินตามกฎหมายจนถึงที่สุด.