ดูเหมือนกลายเป็นมหากาพย์อีกคดี?
เพราะเริ่มต้นจากการสืบสวนดำเนินคดีบริษัทขายตรงใหญ่ยักษ์ มีลูกข่ายหลายพันคน “ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด” ที่ใช้ดาราระดับแนวหน้าและอินฟลูเอนเซอร์มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์โปรโมตสินค้า
หลังจากนั้นเรื่องราวแตกหน่อออกไปจนบานทะโรค!
ขอเน้นว่าเรื่องราวแตกหน่อ ขณะที่คดีที่ตำรวจยัง ทำงานอยู่ในกรอบ พยานหลักฐานถึงใครก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ไม่ใช่ทำงานตามผู้รู้ หรือผู้ที่คิดว่าตัวเองรู้
ได้ยินได้ฟังอะไรที่อยากจะเชื่อ ก็ฟันธงว่ามันเป็นเรื่องจริง?!
รีบร้อน...เร่งเร้า...ไปหมด เหมือนการทำงานที่ตำรวจดำเนินการอยู่มันง่าย
ไม่รู้เลยว่า การสืบสวนสอบสวนเอาใครเข้าคุกสักคนมันยาก ต้องใช้สติปัญญา ไหวพริบ เสาะหาพยานหลักฐาน ตามหาพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือไปสอบปากคำให้เข้าข้อกฎหมาย
ไม่ง่ายเหมือนนั่งคิดเองเออเองอยู่ที่บ้าน?
เอาตัวเลขจริงมาว่ากัน ขณะนี้ผู้เสียหายที่แสดงความจำนงดำเนินคดีดิ ไอคอน ปัจจุบันก็กว่า 3 พันคน ทำยังไง สำนวนคดีถึงจะเป็นไปในทางเดียวกัน พฤติกรรมความผิดอะไรที่เข้าข้อกฎหมาย ต้องเอาผิดหัวโจกที่อยู่ชั้นบนสุดของห่วงโซ่คดีให้ได้ก่อน
เพราะอย่าลืมว่า หลังจาก “บอส” ปล่อยแม่ข่ายไปหาลูกเจี๊ยบเอาเองแล้ว แต่ละคนก็มีเทคนิค การชักจูง หลอกล่อ แตกต่างกันไป
ถึงวันนี้เลยยังแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ไม่ได้?
ทั้งๆที่ถ้ามองจากภายนอก มันผิดแน่ๆ ขนาดมีเสือหิวพาเหรดกันเข้าไปข่มขู่รีดทรัพย์ “บอสพอล” เป็นทิวแถว แถมบางคนยังได้เงินไปจริงหลัก 5 ล้าน 10 ล้าน
ถ้าไม่ผิดจริง แล้วจ่ายทำไม?
อย่าใจร้อน เหมือนความเร็วอินเตอร์เน็ต เงินที่หวังจะได้คืนมาบ้าง ก็จะล่องหน?
...
สหบาท
คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม