"ตำรวจไซเบอร์" เร่งดำเนินคดีเพจ "ขายยาปลุกเซ็กซ์" หลังนำภาพ "รมว.สาธารณสุข" โฆษณาขายยา พบกระจายสินค้าไปแล้วเกือบทั่วประเทศ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ต.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข นำหลักฐานเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รรท.ผบช.สอท. เพื่อแจ้งความเอาผิดกับผู้ใช้บัญชีเพจเฟซบุ๊กชื่อ "ยาโป๊ปปลุกอารมณ์ผู้ชาย" ที่นำภาพ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ไปแอบอ้างโฆษณาขายยา "ขยายขนาดอวัยวะเพศและเพิ่มสมรรถนะเพศชาย" มียอดผู้ติดตามกว่า 8,500 คนในลักษณะเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค โดยมี พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. เป็นผู้รับเรื่อง
ดร.ธนกฤต เผยว่า ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบพบการปลอมเพจกระทรวงสาธารณสุข โดยมีข้อความชักชวนสั่งซื้อสินค้ายาปลุกเซ็กส์สำหรับเพศชาย พร้อมกับใช้รูป นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาแอบอ้างว่ายาดังกล่าวได้รับการรับรองจากนายสมศักดิ์และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทำให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงสาธารณสุขและตัวรัฐมนตรีเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทั้งนี้ ทางรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งการให้ตนและกองกฎหมายดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและลงบันทึกประจำวันเบื้องต้นกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ไว้แล้ว ก่อนเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ในวันนี้ เพื่อให้ทางตำรวจไซเบอร์ได้ติดตามตัวเจ้าของเพจดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นจะแจ้งความความผิดในข้อหา "นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์" โดยให้ทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบเพิ่มเติมว่า การนำรูปของนายสมศักดิ์มาใช้นั้น เข้าข่ายหมิ่นประมาทอีกหรือไม่
...
พร้อมกันนี้ ยังได้ฝากแจ้งเตือนถึงพี่น้องประชาชนว่า หากพบเห็นเพจลักษณะดังกล่าว อย่าได้หลงเชื่อและอย่าได้ซื้อมาบริโภค เพราะยาเหล่านี้อาจจะมีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อหัวใจและถึงแก่ชีวิตได้ โดยยืนยันว่านายสมศักดิ์ไม่เคยรับรองยาดังกล่าว หากใครที่หลงซื้อไปแล้ว ขอให้นำตัวยามาส่งที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อตรวจสอบหาสารในตัวยาว่ามีสารใดที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอาจจะนำมาสู่การดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ยา กับตัวเจ้าของเพจด้วย
ทางด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ทางตำรวจไซเบอร์จะรับเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมาย ซึ่งจากพฤติการณ์แล้วอาจเข้าข่ายความผิดฐาน "นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" รวมทั้งจะดำเนินการสืบสวนเพื่อล่อซื้อตัวอย่างยาและส่งตัวอย่างให้องค์การอาหารและยาหรือ อย. เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด หากพบว่าเป็นยาที่ผิดกฎหมาย ผลิต หรือนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ยา ด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เพจดังกล่าวนั้นได้ส่งกระจายสินค้าไปเกือบทั่วประเทศ มีผู้ซื้อมากกว่าหลักพันราย ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์พอจะทราบแหล่งที่มาของเพจดังกล่าวแล้ว ยังพบอยู่ในประเทศไทยและคาดว่าจะเริ่ม Operation จับกุมเจ้าของเพจดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม ยังพบหน่วยงานราชการหน่วยอื่นๆ ไปจนถึงตำรวจด้วยกันเองที่ถูกปลอมเพจเพื่อรับแจ้งความร้องทุกข์หลอกลวงประชาชน โดย พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ทางตำรวจไซเบอร์ยังคงตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายเหล่านี้อย่างต่อเนื่องและได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดี
รวมทั้งประสานให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปิดเพจเหล่านั้นไปเยอะมากแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะประสานให้เร่งดำเนินการปิดเพจแอบอ้างกระทรวงสาธารณสุขเพจนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหยื่อมากกว่านี้และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าหน่วยงานราชการรับรองสิ่งผิดกฎหมาย.