ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาในคดีของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฐานฉ้อโกงประชาชน อีก 2 กระทงคือ ฟอกเงิน และอั้งยี่ ซ่องโจร เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมเป็นขบวนการในลักษณะองค์กรอาชญากรรม

ฟังข้อหาแล้ว ผู้เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงประชาชนของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ทั้งหมด มีหนาวกันอีกไม่ใช่แค่ผู้ต้องหา 18 รายที่ถูกส่งเข้าเรือนจำไป ยังรวมถึงดาราที่น่าจะมีอนาคตไกล แต่ชีวิตต้องมาสะดุดหยุดลง เพราะตกเป็นเหยื่อของคนเลวด้วย

เท่าที่มีรายงานเป็นที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏมีผู้เสียหายที่เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว 4,700 ราย ความเสียหายมีมากกว่า 2,000 ล้านบาท

แต่จากการเปิดเผยกันเป็นการภายในก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันเค้นสอบผู้ต้องหาตัวตึงอย่าง “บอสพอล” นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล พบว่า อาจมีผู้เสียหายถึง 300,000 ราย จากการเป็นสมาชิก และลูกข่ายที่หลงเข้าไปติดกับ

จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมตำรวจเห็นว่า พฤติกรรมที่กระทำกันเป็นขบวนการนี้ มีลักษณะเหมือนองค์กรอาชญากรรม

เพราะนอกจากจะขยายวงกว้างไปในประเทศต่างๆรวม 10 ชาติ และในหมู่ดารานักแสดงหลายคนแล้ว แต่ยังชอนไชเข้าไปในวงการสงฆ์ นักการเมือง และพรรคการเมืองไทยที่บอสพอล เคยปล่อยคลิปเสียงออกมาเหมือนจงใจจะให้ทุกคนที่อยู่ในเครือข่าย ถูกลากไปตกนรกด้วยกัน

โดยเฉพาะเมื่อพบว่า ความเสียหายจากพฤติกรรมฉ้อฉลนี้อาจสูงถึง 10,000 ล้านบาท ไม่แพ้แชร์ลูกโซ่ในคดีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าอย่างคดี Forex–3D ที่ปล่อยให้มีการ หลอกลวงคนมานานถึง 4 ปี

ในคดี Forex-3D นี้ มีการแจ้งข้อหากับผู้มีชื่อเสียงหลายราย รวมถึงดาราว่า ร่วมกันโฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อเพื่อระดมเงินเริ่มต้นรายละ 50,000-60,000 บาท ไปลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศในตลาดค้าเงิน

...

ด้วยว่าพวกเขาอ้างว่า มีทีมงานเทรดที่ดีที่สุดในโลก สามารถคาดการณ์การขึ้นลงของสกุลเงินตราทั่วโลกได้อย่างแม่นยำ และสามารถทำกำไรให้ได้ถึง 10% ต่อเดือนแก่ผู้ร่วมลงทุนเลยทีเดียว

นายอภิรักษ์ โกฎธิ ตัวการใหญ่ กับพวกเสนอรูปแบบการลงทุน Forex-3D ด้วยวิธีง่ายๆแค่ลงทุนผ่านแพลตฟอร์มที่ตั้งขึ้นในชื่อของตน ผู้ลงทุนก็จะมีสิทธิ์ได้รับผลตอบแทนทุกเดือนไป 10-15%

ขบวนการของนายอภิรักษ์ คล้ายๆกับนายวรัตน์พล ที่เน้นให้หาคนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้ค่าแนะนำ 5% ของเงินปันผลที่เพื่อนเข้ามาลงทุน

เช่น ถ้าลงทุน 20,000 บาททุกเดือนก็จะได้เงินปันผลทุกเดือน 20,000 บาท และถ้าระหว่างนี้ หาเพื่อนมาลงทุนอีก 1 ล้านบาท เพื่อนจะได้ผลตอบแทนเดือนละ 100,000 บาท ส่วนผู้แนะนำจะได้เงินปันผล 5% ของเงินปันผลของเพื่อนคือ 100,000 บาท หรือเท่ากับเงินต้น 20,000 บาท+5,000 บาท (ค่าแนะนำ) ซึ่งเป็นเงินปันผลที่ได้จากการลงทุนของเพื่อนเรื่อยไปทุกเดือน

สรุปคดีนี้ มีคนหลงไปเป็นสมาชิก 80,000 คน ประมาณเงินลงทุนคนละ 500,000 บาท ความเสียหายอาจสูงถึง 40,000 ล้านบาท ใหญ่กว่า “แชร์แม่ชม้อย” 10 เท่า ส่วนนายอภิรักษ์ มีอายุเพียง 26 ปี ทำศัลยกรรมมาแล้ว 16 ครั้ง...

ลอกข้อสอบกันมาเป๊ะๆเลย...แต่ไม่ยักกะมีใครทำอะไร?!

มิสไฟน์

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม