อุตุฯ ประกาศฉบับที่ 8 เตือนอากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย เช็กจังหวัดเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง ลมแรงช่วง 20-21 ต.ค. 67

วันที่ 20 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 8 มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 20-21 ตุลาคม 2567 โดยระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่เกิดขึ้นได้ในระยะแรก

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้

...

วันที่ 20 ตุลาคม 2567

  • ภาคเหนือ : จังหวัดตาก กำแพงเพชร และสุโขทัย
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดนครราชสีมา และบุรีรัมย์
  • ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี พระนครศรีอยุธยาสระบุรี ลพบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต

วันที่ 21 ตุลาคม 2567

  • ภาคกลาง : จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม
  • ภาคตะวันออก : จังหวัดชลบุรี และระยอง
  • ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.