ฝากขัง “บอสพอล” เจ้าตัวรู้ชะตาไม่ยื่นประกันตัวถูกคุมตัวเข้าเรือนจำทันที ด้านรอง ผบช.ก.แถลงคืบหน้าเหยื่อพุ่ง 2,170 ราย ความเสียหาย 841 ล้านบาท ลั่นศิลปินคนดังหากเข้าข่ายผิดจับหมดไม่เว้นพระ รองโฆษกกรมคุกเผยคืนแรกจากการส่องมอนิเตอร์ ทุกคนเครียดแต่เป็นเรื่องปกติ “บอสแซม-บอสกันต์” ส่วนใหญ่จะจับคู่คุยกันเอง ส่วนบอสมินมีสอบถามผู้คุมเรื่องการให้ญาติเข้าเยี่ยมและการซื้อของ ด้าน “ทนายกุ้ง” บุกร้องทุกข์กล่าวโทษ “พระ ว.วชิรเมธี” สร้างปมฉาวผ้าเหลืองเทศน์เชียร์ดิ ไอคอน ขณะที่ พศ.อยู่ไม่ติดหลังพระนักเทศน์โพสต์ถึงหนุ่ม-กรรชัย ส่งหลักฐานให้เจ้าคณะจังหวัดเชียงรายพิจารณา ส่วน “ลุงป้อม” เซ็นเชือด “สามารถ” พ้นรองโฆษกพรรคพปชร.

ภายหลังตำรวจ บก.ปคบ.คุมตัว 17 บอส ผู้ต้องหาระดับผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด 17 ราย มีศิลปินนักแสดง 3 คนรวมอยู่ด้วยคือ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี (บอสมิน) นายยุรนันท์ ภมรมนตรี (บอสแซม) และนายกันต์ กันตถาวร (บอสกันต์) ไปฝากขังศาลอาญารัชดาฯ ผัดแรก หลังทั้งหมดถูกจับกุมในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ศาลไม่ให้ประกันตัวทั้งหมด ก่อนถูกควบคุมตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง เหลือนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ที่ยังสอบสวนไม่เสร็จเนื่องจากประสงค์จะให้รายละเอียดทางคดีเพิ่มเติม โดยผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ดีเอสไอเริ่มขยับเข้าค้นสถานที่ต้องสงสัยเก็บข้อมูลของ บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป รวมทั้งอายัดทรัพย์สินที่ดิน 63 ไร่ ย่านลำลูกกา มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

...

ทนายเยี่ยม “บอสพอล” แต่เช้า

ความคืบหน้าในส่วนของผู้ต้องหาคนสำคัญ “บอสพอล” หรือนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ที่ยังไม่ได้ถูกนำตัวไปฝากขัง เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล

หรือบอสพอล มาเยี่ยมลูกความที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องขังก่อนจะถูกนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญาในช่วงสายวันเดียวกันก่อนกล่าวว่า วันนี้ยังไม่ยื่นขอประกันตัวเนื่องจากเห็นคำสั่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาคนอื่นๆโดยศาลให้เหตุผลว่า กลุ่มผู้ต้องหามีลักษณะกระทำกันเป็นขบวนการ หากอนุญาตให้ประกันตัวเกรงว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ยืนยันว่า บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป เปิดถูกต้อง ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดบริสุทธิ์

เจ้าตัวยันไม่เคยเซ่นเทวดา

ส่วนเมื่อวานที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้มาสอบปากคำกรณีคลิปเสียงในสื่อโซเชียลมีเดีย นายวรัตน์พลให้ข้อมูลว่าเป็นเสียงตัวเองจริง แต่ยืนยันว่าไม่เคยจ่ายสินบนให้หน่วยงานใดตามที่ถูกกล่าวอ้าง ในส่วนที่มีการพูดถึงเทวดานั้นยืนยันว่าเทวดาที่หมายถึงคือเทวดาจริงๆ ไม่ใช่เทวดาบนโลกมนุษย์

ปัดแปลงทรัพย์เป็นเงินดิจิทัล

ส่วนกรณีที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย เปิดเผยข้อมูลว่า เคยมีคนใกล้ชิดของผู้บริหารระดับสูงของ ดิ ไอออน กรุ๊ป แปลงทรัพย์สินที่มีเป็นสกุลเงินดิจิทัลเพื่อจ่ายสินบนนั้นยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากผลประกอบการของบริษัท มี 10,000 ล้านบาท หากจะนำไปจ่ายเป็นเงินสินบนทั้งหมดคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ตรวจสอบแล้วพบว่าบุคคลที่นายเอกภพอ้างอิงถึงไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดิ ไอออน กรุ๊ป ขอฝากถึงนายเอกภพว่า หากนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงอาจถูกแจ้งข้อหาให้การเท็จได้

นอกจากนี้ นายวิฑูรย์ยังระบุถึงประเด็นกระแสของดิ ไอออน ลามไปถึงวงการพระ โดยเฉพาะ ท่าน ว. ด้วยว่า ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับบอสพอล เพราะเพียงแค่เรื่องคดีก็ไม่มีเวลาจะคุยเรื่องอื่นแล้ว แต่เชื่อว่าถ้ารู้ว่าลามไปถึงท่าน ว.คงไม่สบายใจแน่นอน ตนยังไม่สบายใจเลยว่าทำไมถึงไปถึงขั้นนั้นได้

นั่งสมาธิแก้เครียด

รายงานข่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (หลังจากเสร็จสิ้นการสอบสวน) เจ้าหน้าที่ได้นำตัว “บอสพอล” มาควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังของตึกศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. ตลอดทั้งคืนบอสพอลยังมีอาการเครียดต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิ จนกระทั่งรุ่งเช้าเจ้าหน้าที่ได้จัด เตรียมอาหารเช้าเป็นข้าวกะเพรา-ไข่ดาวมาให้ก่อนจะถูกนำตัวส่งไปฝากขัง

รับคลิปเสียงคือนักการเมือง ส.

มีรายงานว่า การสอบปากคำนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เมื่อคืนที่ผ่านมาเกี่ยวกับกรณีคลิปเสียง 2 คลิปฉาว ที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ บอสพอลยอมรับว่า บุคคลที่อยู่ในคลิปเสียงนั้น คือนักการเมือง ส. จริง ส่วนเรื่องคลิปเสียงเทวดาเป็นการพูดคุยกับลูกน้องของตัวเองในเชิงว่า การจะทำธุรกิจลักษณะนี้จะต้องมีเครื่องเซ่นเทวดาธุรกิจถึงจะราบรื่น หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะทำเรื่องเสนอ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พิจารณาสั่งการต่อไป

คุม “บอสใหญ่ดิ ไอคอน” ฝากขัง

ต่อมาเวลา 09.15 น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. สั่งการพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. เบิกตัวนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ออกจากห้องคุมขังนำตัวส่งฝากขังผัดแรกยังศาลอาญา ระหว่างที่นำตัวไปขึ้นรถเผยให้เห็นสภาพอิดโรยจากความเครียดอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งถึงศาลอาญา พนักงานสอบสวนนำตัวนายวรัตน์พลยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

...

ไม่ยื่นประกัน-ส่งเรือนจำทันที

พนักงานสอบสวนได้แนบคำร้องคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำความผิดเป็นการร่วมกันกับผู้อื่นกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ คดีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างทั่วราชอาณาจักร มีผู้เสียหายจำนวนมาก จำนวนทุนทรัพย์สูง และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีศาลพิจารณาคำร้อง ไต่สวนพนักงานสอบสวนและสอบผู้ต้องหาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคำร้อง ผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว จากนั้นเวลา 11.45 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวบอสพอล ไปควบคุมตัวยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทันที

“รอง ผบช.ก.” เผยทำตามหลักฐาน

จากนั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ขอให้ปากคำเพิ่มเติมโดยเมื่อคืนสอบปากคำเสร็จประมาณ 20.00 น. ก่อนควบคุมตัวไว้ที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา หลังจากนี้ผู้ต้องหาจะอยู่ในอำนาจศาล ส่วนประเด็นอื่นๆที่ประชาชนยังเกิดข้อสงสัย ขอเวลาตำรวจทำงานก่อนจะทำงานอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด จะทำตามใจหรือรีบร้อนเกินไปไม่ได้ทุกอย่างอยู่ที่พยานหลักฐาน เมื่อถามว่าคำให้การเพิ่มเติมของบอสพอลมีประโยชน์ต่อรูปคดีมากขึ้นหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ตำรวจไม่ได้หวังพึ่งคำให้การผู้ต้องหาอย่างเดียว แต่ต้องพึ่งพยานเอกสารและคำให้การผู้เสียหายประกอบสำนวน และยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องสืบสวนเพิ่มเติมเพราะมีผู้เสียหายทยอยมาเรื่อยๆ ส่วนการขยายผลไปถึงนักการเมืองหรือข้าราชการสีกากีอื่นที่มีความเกี่ยวข้อง ไม่ขอลงราย ละเอียด อยู่ในขั้นตอนดำเนินการทั้งหมดอย่างรอบคอบ

เหยื่อพุ่ง 2,170 ราย สูญ 841 ล.

กระทั่งเวลา 15.00 น. ที่หน้าอาคารกองบังคับการ ปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ร่วมแถลงความคืบหน้าคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป พล.ต.ต.โสภณกล่าวว่า ถึงตอนนี้มีผู้เสียหาย 2,170 ราย มูลค่าความเสียหาย 841 ล้านบาท วันนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กำชับตำรวจหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ ให้รับแจ้งความจากผู้เสียหาย ยึดต้นแบบของตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการจัดทำศูนย์รับแจ้งความให้กับประชาชนทั่วทั้งประเทศ พร้อมเน้นย้ำว่าการรับแจ้งของประชาชนให้ถือเป็นเรื่องสำคัญจะไม่มีการบ่ายเบี่ยงไม่รับแจ้งความโดยเด็ดขาด หากไม่รับ แจ้งความจะถูกดำเนินการทางวินัยและจะดำเนินการ ในด้านของการบริหารงานบุคคลอีกด้วย ฝากประชา สัมพันธ์ถึงประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาที่ บช.ก. สามารถไปแจ้งความยังจุด ที่อยู่ตามภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัยหรือจุดที่สะดวกในทุก ท้องที่ ส่วนขณะนี้ที่ศูนย์รับแจ้งความคดีดิไอคอน ของ บก.ปคบ. ยังมีการรับแจ้งความอย่างต่อเนื่อง

...

ใช้ “สลิปโอน-แชต” เป็นหลักฐาน

รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ส่วนระยะเวลาฝากขัง เป็นไปตามกรอบเวลาของกฎหมาย 4 ฝาก 48 วัน เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้ทัน หากมีการแจ้งข้อกล่าวหา เพิ่มเติมก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ พนักงาน สอบสวนยังประเมินพยานหลักฐานที่แสวงหามาได้อยู่ รวมถึงคำให้การของพยานบุคคลที่เข้ามาเรื่อยๆ

โดยคัดแยกแบ่งผู้เสียหายออกเป็นกลุ่ม หากมีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความเรื่อยๆเชื่อว่าจะไม่กระทบกับรูปคดีและ พยานหลักฐานที่ได้รวบรวมไว้ ขอให้ผู้เสียหายรวบรวมหลักฐานการโอนเงิน ข้อความแชตที่ติดต่อและรีบแจ้งความโดยเร็ว

แกะรอยเงินดิจิทัล-คริปโต

เมื่อถามว่าจากการที่บอสพอลขอให้ปากคำเพิ่มเติม รวมไปถึงกระแสข่าวที่มีนอมินีเข้ามาแจ้งความ จะเป็นการดึงเวลาให้ทำสำนวนล่าช้าหรือไม่นั้น พล.ต.ต.โสภณระบุว่า ทำได้ทันแน่นอนพร้อมย้ำอีกว่า เมื่อช่วงเช้า พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่ในการสืบทรัพย์และตรวจสอบเรื่องคริปโต มอบให้ บก.ปอศ.ที่ชำนาญเรื่องทำคดี เกี่ยวกับสินทรัพย์ทางดิจิทัลและคริปโต เข้ามาสนับสนุน ช่วยเหลือพนักงานสอบสวนด้วยอีกส่วนหนึ่ง สำหรับทรัพย์สินที่ตรวจยึดมาได้ มีรถ 24 คัน, เงินสด 7.5 ล้านบาท, นาฬิกา 51 เรือน, กระเป๋าแบรนด์เนม และ สินค้าแบรนด์เนมมีจำนวนมาก รวมทั้งหมดประมาณ 210 ล้านบาท และยังขยายผลต่อเนื่อง ยอมรับว่ามีผู้ต้องหาบางรายได้ยักย้ายถ่ายเทจำหน่ายถ่ายโอนทรัพย์สิน ในส่วนนี้จะมีความผิดเพิ่มเติมเรื่องการฟอกเงินด้วย

เข้าข่ายจับหมดไม่เว้นพระ

ส่วนความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง ลอตที่ 2 นั้น รอง ผบช.ก.กล่าวยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็น ดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่พระสงฆ์ หากตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตำรวจจะดำเนินคดีทั้งหมดไม่ละเว้น ซึ่งกรณีที่มีคนมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับพระรูปหนึ่งนั้น ตำรวจจะรับเรื่องตรวจสอบ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดหลักฐานที่มีการแจ้งความดังกล่าว

...

ขออัยการให้คำปรึกษาคดี

วันเดียวกัน พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. มีหนังสือถึงนายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.อัยการ มาตรา 14 ส่งพนักงานอัยการมาร่วมให้คำเเนะนำปรึกษาในคดีนี้ ใจความโดยสรุป หลังพบการกระทำของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวกเข้าข่ายเป็นความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง คดีดังกล่าวมีผู้เสียหายจำนวนมากเป็นวงกว้างและความเสียหายจำนวนมาก มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายคน เพื่อให้การสอบสวนมีประสิทธิภาพ เป็นการอำนวยความยุติธธรรมแก่ประชาชนและรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ต้องตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2563 ข้อ 16 จึงขอความร่วมมือเพื่อโปรดมอบหมายพนักงานอัยการเข้าร่วมให้คำแนะนำปรึกษาคดี เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนมีประสิทธิภาพ และเป็นการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน

“บิ๊กต่าย” เปิดศูนย์รับแจ้งความ

อีกด้านหนึ่งที่ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา10.30น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป มี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุม และประชุมทางไกลกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาค 1-9 โดย ผบ.ตร.สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 จัดตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง อำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความของผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่ต้องเดินทางมากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เป็นการเปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป พร้อมกันทั่วประเทศ ให้หน่วยต่างๆรายงานผลปฏิบัติในแต่ละวันให้ ตร.ทราบ หากพบว่ามีการปฏิเสธการรับแจ้งความให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบและรายงาน ผบ.ตร.ทันที

ทำโมเดลแนวเดียวกับ ปคบ.

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า คดีดิ ไอคอน กรุ๊ป มีผู้เสียหายจำนวนมากมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ปคบ. เฉลี่ยวันละ 300-500 คน แม้จะจัดพนักงานสอบสวนรองรับการปฏิบัติแต่ยังไม่สอดคล้องกับจำนวนพนักงาน สั่งการให้เปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์คดีดังกล่าวทั่วประเทศ จัดทำเป็นโมเดลแนวทางเดียวกันกับรูปแบบที่ บก.ปคบ.บริหารการรับแจ้งความ จากนั้นเป็นการบริหารคดีของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางต่อไป จากนี้ต่อไปแนวทางในการทำงานนี้จะเป็นโมเดลการปฏิบัติในการบริหารคดี และบริหารการสื่อสาร หากมีกรณีลักษณะคดีเช่นนี้ในอนาคต ในการเปิดศูนย์รับแจ้งความคดีนี้จะทำให้ตำรวจเห็นภาพในการจัดการเรื่องรับแจ้งความวิเคราะห์ บริหารคดีให้เกิดความรวดเร็วต่อไป

สาวกระบี่แฉ “บอสสวย”

ด้านความเสียหายจากผู้ตกเป็นเหยื่อ บ.ดิ ไอคอน ที่ จ.กระบี่ น.ส.วารุณี จันทร์ส่งแสง อายุ 35 ปี ชาวบ้าน ต.ห้วยยูง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ หอบสินค้าของ บ.จำนวนมากมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าเป็น 1 ในผู้เสียหายที่ถูกหลอกลงทุนไป 275,000 บาท เมื่อปี 65 แจ้งความกับตำรวจ สภ.เหนือคลอง ไว้แล้ว หลังเข้าไปร่วมลงทุนช่วงแรกที่เข้าไปฟังการอบรม หวังเพียงเข้าไปเรียนรู้เรื่องการขายของออนไลน์ เพราะตนมีสินค้าของตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจเรื่องการขายออนไลน์ ครั้งแรกเข้าอบรมในราคา 98 บาท อยู่ในกลุ่มของ “บอสสวย” ถูกชักจูงลงเงินเปิดบิลไปครั้งแรก 25,000 บาท และได้สินค้ามาทดลองใช้ ต่อมาลงทุนอีก 250,000 บาท และให้หาเครือข่ายมา 10 คน แต่หาเครือข่ายเพิ่มไม่ได้จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก อีกราย น.ส.ณภรวนิณล์ ชรัญปัญญาวัจน อายุ 40 ปี เจ้าของร้านทำเล็บ Katty spa nailgel ที่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา 1 ในเหยื่อดิ ไอคอน กรุ๊ปสูญเงินไปกว่า 2.5 แสนบาท แจ้งความไว้ที่ สภ.บางกล่ำ

เหยื่อทยอยแจ้งเพียบ

ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ผู้เสียหายเริ่มทยอยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ภายหลังจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ออกคำสั่งให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ รับแจ้งความจากประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากกรณีดิ ไอคอน กรุ๊ป เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วประเทศ พนักงานสอบสวนแจ้งผู้เสียหายให้เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้พร้อม ล่าสุดมีผู้เสียหายแจ้งความ 102 คน ค่าเสียหาย 18 ล้านบาท ที่ สภ.เมืองลำปาง มีผู้เสียหาย 44 คดี มูลค่าความเสียหาย 12 ล้านบาท

อุดรแจ้ง 48 รายวงเงิน 13 ล้าน

พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงษ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้สถานีตำรวจภูธรทั่วประเทศรับแจ้งความคดี “บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด” จ.อุดรธานี มีความพร้อมในการรับแจ้งความ หลักฐานที่ผู้เสียหายเตรียมไปคือ บัตรประจำตัวประชาชน บัตรสมาชิกหรือสัญญา หรือหลักฐานโอนเงิน ไม่จำเป็นต้องนำสินค้ามาด้วย พนักงานสอบสวนจะสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี หากจะต้องสอบสวนเพิ่มเติม หรือขอหลักฐานเพิ่มเติม ขณะนี้ มีผู้เสียหาย 48 ราย วงเงินรวม 13 ล้านบาทเศษ ต่ำสุดเสียหายไป 100,000 บาท สูงสุดเสียหาย 900,000 บาท

กรมคุกแจงรับนักโทษใหม่

ด้านความเป็นอยู่กลุ่มผู้ต้องหา 17 คนที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รรท.ผอ. ทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยถึงสภาพอาการการนอนเรือนจำฯ คืนแรกของเหล่าผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ทั้ง 17 ราย ทั้งในส่วนของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง ว่า คืนวันที่ 17 ต.ค. หลังจากรับตัวผู้ต้องหาทั้ง 17 ราย ในช่วงเวลา 21.00 น. ได้ดำเนินการในส่วนกระบวนการแรกรับ คือ ผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายจะต้องทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ และเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสีลูกวัวสำหรับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ก่อนนำตัวไปยังห้องกักโรคโควิด-19 เพื่อกักคัดกรองโรคในระยะเวลา 5 วัน

3 บอสดาราสุขภาพแข็งแรง

อีกทั้งได้รับรายงานว่าในบรรดาผู้ต้องขัง 17 ราย มีคนที่มีโรคประจำตัว 5 ราย แต่เป็นเพียงเล็กน้อย เช่น ความดันโลหิตสูง 1 ราย อยู่ระหว่างรอพบแพทย์เพื่อรับยา นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องขังหญิง 1 ราย ที่แจ้งเรือนจำขอนำยารักษาโรคประจำตัวเข้ามา ส่วนบอสดาราทั้ง 3 ราย คือนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม นายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ และน.ส.พีชญาวัฒนามนตรี หรือบอสมิน ล้วนสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวหรืออาการเจ็บป่วยใด

มื้อแรกในคุก 17 บอสกินไม่ลง

รองโฆษกกรมคุกกล่าวต่อว่า เมื่อคืนวันที่ 17 ต.ค. เรือนจำทั้งสองแห่งตรียมอาหารไว้ให้เป็นเมนูข้าวสวยและต้มซุปไก่เผื่อบุคคลใดยังไม่ทานข้าวแต่ก็ไม่มีใครรับประทาน อาจด้วยเวลาที่มาถึงก็ค่ำมากแล้ว และกว่าจะนอนหลับก็ล่วงเลยไปถึงเวลา 23.00 น. ส่วนในห้องกักโรคโควิด-19 ของทั้งสองเรือนจำฯ เจ้าหน้าที่ผู้คุมอนุญาตให้นอนอยู่ด้วยกัน เพราะเห็นว่าไม่มีพฤติกรรมทะเลาะเบาะแว้งหรือโทษกันไปมา มีการซัพพอร์ตเรื่องความรู้สึกกันได้ดี แต่ถ้ามีการทะเลาะกันมีปากเสียงโยนความผิดโทษกันไปมา เจ้าหน้าที่จะแยกไม่ให้อยู่ด้วยกัน

ทุกคนเครียด-เป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ตาม จากที่มอนิเตอร์ภาพกล้องวงจรปิด ในส่วนของดาราสาว “มิน-พีชญา” ได้พูดคุยกับเหล่า บอสผู้หญิงรายอื่นบ้าง ขณะที่ “กันต์ กันตถาวร” และ “แซม ยุรนันท์” ทั้งคู่พูดคุยกัน แต่ไม่ได้คุยกับบอสชายรายอื่นมากเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังมีความ เครียดปรากฏบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจน ไม่มีรอยยิ้ม และบ่อยครั้งมีการสนทนาระหว่างกันน้อยลง ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกคนเข้ามาข้างในนี้ เป็นการเปลี่ยนสถานที่ อาจปรับตัวยากต้องใช้เวลา ส่วนประสิทธิภาพการนอนหลับ ทราบว่าพอนอนหลับได้บ้าง

มื้อเช้าบอสหญิงข้าวต้มเครื่อง

นางกนกวรรณกล่าวถึงสภาพของ 17 ผู้ต้องหาในช่วงเช้า ผู้ต้องขังหญิงรับประทานเมนูอาหารเช้าเป็นข้าวต้มเครื่อง และสอบถามถึงหลักการขั้นตอนการเยี่ยมญาติ การซื้อของฝากของใช้ส่วนตัว การพบ ทนายความ ได้ชี้แจงข้อมูลให้ทั้งหมดรับทราบ โดยเฉพาะ “มิน-พีชญา” สอบถามผู้คุมถึงเรื่องการเยี่ยมญาติ การพบทนายความปรึกษาคดี และการสั่งซื้อของฝากจากภายนอกผ่านใบรายการสั่งซื้อของ เรือนจำฯ ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการเปิดสมุดบัญชีเงินฝากของเหล่าผู้ต้องขังทั้ง 17 ราย เพราะ “บุ๊ก” จะมีไว้เพื่อฝากเงินของญาติให้แก่ผู้ต้องขังไว้ซื้อของกินของใช้ คาดว่า ในช่วงสายวันนี้อาจมีทนายเข้าเยี่ยม หรือมีญาติฝากซื้อของฝาก

ทนายเยี่ยมผ่านวิดีโอคอล

ส่วนการเยี่ยมของทนายความผ่านระบบออนไลน์ คือ การเยี่ยมผ่านวิดีโอคอลไลน์ในห้องเยี่ยม ทนาย ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป เพราะทั้งหมดยังอยู่ ในห้องกักโรคโควิด-19 ไม่ต้องออกมาที่ห้องเยี่ยม นอกจากนี้ เมื่อผู้ต้องขังทั้งหมดครบระยะเวลาการ กักโรคโควิด-19 จะถูกจำแนกไปยังแดนแรกรับของแต่ละเรือนจำ คาดว่า ในส่วนของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร แดนแรกรับอาจจะเป็นแดน 1 หรือแดน 4 แต่ในส่วนทัณฑสถานหญิงกลาง จะเป็นแดนควบคุมระหว่างพิจารณาคดี ทั้งหมดจะใช้เวลาอยู่ในแดนแรกรับ ของเรือนจำฯ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินให้เป็น ผู้ต้องขังเด็ดขาด ทั้งนี้ ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี จะไม่ต้องเข้าร่วมกองงาน เพื่อที่จะมีเวลาในการต่อสู้คดี ชั้นศาล ยังไม่เป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดเว้นแต่เป็นความประสงค์เจ้าตัว สามารถแจ้งต่อผู้คุมให้พิจารณาได้

บอสวินมะเร็ง–โค้ชแล็ปโรคไต

ด้านนายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทัณฑวิทยา รรท.ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการควบคุมตัวผู้ต้องหาชายทั้ง 10 ราย ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า หลังรับตัวได้ดำเนินการตามระเบียบราชทัณฑ์นำทั้งหมดเข้าห้องกักโรคโควิด-19 เป็นเวลา 5 วัน พบ 2 ราย มีโรคประจำตัวคือ นายธวินทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ (บอสวิน) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว มีเอกสารรักษา จากแพทย์และเอกสารเรื่องยารักษาโรคชัดเจน ส่วนนายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือโค้ชแล็ป เป็นโรคไต มีเอกสารการรักษาจากแพทย์เช่นเดียวกัน ทั้งคู่ขอ อนุญาตเรือนจำนำยาเข้ามารับประทาน แพทย์ประจำ เรือนจำตรวจสอบและอนุญาต ยังไม่ถึงขั้นมีแนวโน้มต้องส่งตัวทั้งคู่เข้ารักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ต้องประเมินเป็นระยะๆ นอกจากมอนิเตอร์ ดูเรื่องความสงบเรียบร้อยแล้ว ได้ให้นักจิตวิทยาสังเกต อาการภาษากายแต่ละบุคคลป้องกันเรื่องไม่คาดคิด แต่ขณะนี้ทั้งหมดอยู่ร่วมกันได้ดี

“แซม-กันต์” เครียดหลับไม่ลง

ส่วนกรณี 2 บอสดาราชาย ทราบว่านายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ เบื้องต้นทั้งคู่มีความเครียดสูง นอนหลับไม่สนิท รวมถึงบางช่วงบางตอนยังเอ่ยปากร้องขอพบเจอญาติ แต่ก็ยืนยันไปว่าต้องเป็นไปตามระเบียบ เนื่องจากต้องเข้าสู่กระบวนการแยกกักโรคโควิด-19 สำหรับผู้ต้องขังแรกรับ ทั้งนี้ ภายในห้องกักโรคโควิด-19 จะมีกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าสังเกตอาการอยู่ตลอดเวลา

แนวโน้มจัดผู้ชายอยู่รวมกัน

นายปราโมทย์กล่าวต่อว่า สำหรับเมนูแรกเมื่อคืนที่กลุ่มบอสชายได้รับประทานคือ เมนูแกงเผ็ดปลามะเขือเปาะและผัดผักคะน้าใส่ไก่ ส่วนช่วงเช้าวันนี้เป็นเมนูแกงเขียวหวานไก่ใส่ฟักเขียวและข้าวสวย หากครบระยะกักโรคโควิด-19 จะพิจารณาจำแนกแยกลักษณะผู้ต้องขังว่ารายใดควรอยู่ที่แดนไหน ป้องกันเรื่องความปลอดภัย เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าในแดนนั้นๆ จะมีโจทก์เก่าหรือคู่กรณี หรือมีผู้หมั่นไส้ไม่ประสงค์ดีหรือไม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะให้ทั้งหมดได้อยู่รวมกันในแดนเดียวกันเพื่อให้ช่วยเหลือดูแลกันได้และลดบรรเทาเรื่องความเครียดได้

“ทนายกุ้ง”กล่าวโทษ พระ ว.

ส่วนประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ โดยเฉพาะกรณีโลกโซเชียลขุดคลิปพระ ว.วชิรเมธี ออกมาเทศนาเชิงสนับสุน บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป เมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส. อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมพระ ว.วชิรเมธี ว่าเข้าข่ายสนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนในคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” หรือไม่ พร้อมกล่าวว่า มายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อาญา ม.86,343 จากกรณีที่เคยไปเทศนาที่บริษัทดิไอคอน กรุ๊ป หลักฐานที่นำมาในวันนี้ เป็นคลิปกับภาพที่พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เทศนากว่า 1 ชม. ให้สมาชิกหรือตัวแทนดิไอคอน

ทำเพื่อเหยื่อ-ไม่กลัวทัวร์ลง

ทนายกุ้งกล่าวต่อว่า ในการเทศนาธรรมท่ามกลางผู้ฟังที่มีมากกว่า 1,000 คน ช่วงหนึ่งมีการพูดชักชวนว่า “หนูอยากรวยเลยพรุ่งนี้ อาจารย์บอกลูกเอ๋ย ถ้าอย่างนั้นก็ดิไอคอนเเล้ว” มองว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้คนที่กำลังลังเลอยู่เลือกตัดสินใจลงทุน เนื่องจากเชื่อมั่นและศรัทธาพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี สำหรับเรื่องเจตนาหรือไม่เป็นหน้าที่ตำรวจที่จะต้องเรียกตัวมาสอบสวนเพื่อชี้แจง และให้เป็นหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนาในการตรวจสอบ” สำหรับเรื่องเงินที่ บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป ถวายให้พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ขณะนี้มีหลักฐานแค่ 1 ล้านบาท แต่ทราบมาว่าพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ไปเทศนาทุกปี ส่วนจะรับเงินในทุกปีด้วยหรือไม่นั้นให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน แต่ในส่วนเงินที่รับไปแล้ว 1 ล้านบาท หากพบว่าเป็นเงินที่มาจากการกระทำความผิดของดิ ไอคอน กรุ๊ป จะต้องถูกอายัดคืนเช่นกัน ยืนยันว่าไม่กลัวกระแสตีกลับจากลูกศิษย์พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ตนมาทำเพื่อผู้เสียหาย

พศ.ขยับหลัง “พระ ว.” โพสต์

ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่โพสต์ของพระ ว.วชิรเมธี ที่ระบุถึงกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรดัง ก่อนที่จะลบโพสต์และมีผู้แคปเอาไว้ก่อนนำมาเผยแพร่ในโซเชียลมีผู้วิพากษ์วิจารณ์กันจำนวนมาก นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เผยว่า พศ.ยังไม่ยืนยันว่าในเอกสารที่ ว.วชิรเมธีโพสต์ เป็นเอกสารจริงที่จัดทำขึ้นเองหรือไม่ ในเอกสารหน้าแรกจะเป็นการอธิบายและชี้แจงกรณีที่เป็นกระแสสังคมของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัดทั้งหมด 6 ข้อ เป็นเรื่องปกติที่พระควรจะออกมาชี้แจงหลังจากสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หน้าที่ของพศ.คือการทำหนังสือลงนามประสานไปยังเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) เชียงราย ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเอกสารที่โพสต์ ว.วชิรเมธี จัดทำขึ้นจริงหรือไม่ เพราะมีการกล่าวพาดพิงนายกรรชัย กำเนิดพลอย บุคคลที่ 3 ในเอกสารหน้าที่ 2 ส่วนนี้อาจจะทำให้พุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสไม่สบายใจ เนื่องจากพระสงฆ์ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์ในฐานะที่เป็นทิศเบื้องบน

ติงพาดพิงบุคคลที่ 3

“การที่พระไปกล่าวพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 อาจจะเลยเถิดไปจากคำว่าสมณะ เพราะสมณะจะต้องมีคุณสมบัติ 3 อย่าง คือ 1.สงบกาย 2.สงบวาจา 3.สงบใจ ประเด็นที่เกิดขึ้นหากเป็นเอกสารที่ ว.วชิรเมธี จัดทำขึ้นเองจริงๆก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจแทน มองว่าเป็นการไม่เหมาะสม พศ.ขอความอนุเคราะห์ไปยังเจ้าคณะจังหวัดเชียงรายที่เป็นผู้บังคับบัญชา ว.วชิรเมธีโดยตรง เพื่อให้พิจารณาตามความเหมาะสมและระเบียบมหาเถรสมาคม(มส.)ว่าด้วยการปกครองสงฆ์ ในส่วนของการผิดวินัยสงฆ์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงรายอาจจะว่ากล่าวตักเตือน หากเป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นจริง แต่ในส่วนของบุคคลที่ 3 ที่ถูกพาดพิง ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลกับ ว.วชิรเมธี”นายบุญเชิดกล่าว

ส่งหลักฐานให้เจ้าคณะเชียงราย

นายบุญเชิดกล่าวต่อว่า กรณีที่ปรากฏคลิปและภาพ ว.วชิรเมธี รับกิจนิมนต์เข้าไปแสดงธรรมเทศนาที่บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด และบริษัทถวายเงินให้ 1 ล้านบาท พศ.ได้ส่งเอกสารบทเทศน์ไปให้เจ้าคณะจังหวัดเชียงรายพิจารณาแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. พศ.จะไม่เข้าไปสอบสวนเนื่องจากเป็นเรื่องของพระสงฆ์ แต่หากเจ้าคณะจังหวัดต้องการให้ พศ.สนับสนุนเรื่องกฎหมายหรือข้อเท็จจริงจะเข้าไปช่วยเหลือเต็มที่ การที่พระสงฆ์จะรับกิจนิมนต์ตามที่พุทธศาสนิกชนมานิมนต์นั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรพึงระวังในส่วนคำพูดเทศนา ควรอยู่ในหลักธรรมคำสอนที่พระ พุทธเจ้าทรงเผยแผ่ไว้ บทเทศน์ในชั้นต้นที่ ว.วชิรเมธี กล่าวนั้นคือเรื่องหัวใจเศรษฐี ถูกต้องตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนการพูดในประเด็นอื่นๆขอไม่ก้าวล่วงในส่วนนั้นเพราะว.วชิรเมธี ออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนไปแล้ว

“ชูศักดิ์”ออกตัวโยน พศ.ดู

ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นเรื่องของพระ ตนเป็นฆราวาสคงไม่มีอำนาจไปตรวจพระ เป็นเรื่ององค์กรพระที่จะดูแล เมื่อถามว่าจากคลิปที่ปรากฏถือว่าขัดต่อหลักพระธรรมวินัยหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่สามารถวิจารณ์ได้ เป็นเรื่องพระวินัยที่ต้องว่ากันไป เราคงไม่ไปก้าวล่วงเว้นแต่จะมีเรื่องเข้ามา เบื้องต้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาสั่งให้พศ.ติดตามเรื่องนี้ ต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนแปลงไป เมื่อก่อนพระก็เทศน์อย่างเดียว แต่ช่วงหลังมีการแสดงความเห็น แต่เรามีองค์กรพระดูแลอยู่ ในอดีตมีพระมากมายที่แสดงออกเรื่องเงินทอง ท้ายที่สุดสังคมก็พิพากษาถูกหรือผิด แต่ครั้งนี้เราไม่ควรไปตัดสินว่าอะไรเป็นอะไร

กมธ.ศาสนาโดดป้อง“พระ ว.”

ที่รัฐสภา น.ส.สกุณา สาระนันท์ สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อม กมธ.การศาสนาสัดส่วนพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กมธ.ยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบพระ ว.วชิรเมธี ยังไม่พิจารณาอะไรทั้งสิ้น เรื่องศาสนาพระสงฆ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องทำตามขั้นตอน ส่วนประเด็นทางสังคมที่มีการโพสต์เฟซบุ๊กของพระ ว.วชิรเมธี หรือปรากฏภาพว่ารับปัจจัยจากบริษัทดิ ไอคอน และการเทศนา ยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าเป็นพระสงฆ์ที่หลายคนเคารพนับถือมี วุฒิภาวะ ต้องเคารพในการกระทำของท่าน เมื่อถามว่า ที่ กมธ.ศาสนาฯเพิกเฉยไม่นำเรื่องนี้เข้ามาพิจารณา เพราะกลัวผลกระทบตามมาหรือไม่ น.ส.สกุณากล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่ต้องกังวลแต่ต้องฟังหลายฝ่าย ไม่อยากให้ตั้งประเด็นหรือกังวล เมื่อถามว่าการออกมาตอบโต้กับผู้ดำเนินรายการเหมาะสมหรือไม่ น.ส.สกุณาปฏิเสธไม่ตอบคำถาม

“หนุ่ม-กรรชัย” บอกใส่บาตรให้

ขณะที่หนุ่ม-กรรชัย ได้ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวผ่านรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 ว่า “กราบเรียนพระอาจารย์ ว. ตนยืนยันว่าไม่เป็นศาลเตี้ย เพราะไม่ได้มีกฎหมายในมือ ไม่ได้เป็นตำรวจ ไม่ใช่ศาล เป็นแค่กระบอกเสียงที่อยากจะช่วยเหลือคนตัวเล็กๆที่ถูกคนตัวใหญ่ๆรังแก หรือคนยากคนจนที่ถูกเขาหลอกลวง ชักจูงไปในทางไม่ถูกไม่ควร แค่อยากเป็นกระบอกเสียงให้พวกเขา ตนตกใจและผิดหวังมาก ที่เห็นพระอาจารย์พิมพ์ได้แบบนี้ ตนอยู่กับพระอาจารย์อาจจะไม่ได้นานมากมาย แต่พระอาจารย์สอนตนให้มีสติ ไม่มีโทสะ โมหะ โลภะ ให้นั่งกรรมฐาน ให้นั่งสมาธิ แต่

เห็นพระอาจารย์โพสต์อันนี้ ไม่ทราบจริงๆว่าพระอาจารย์โพสต์จริงๆ หรือเป็นแอดมิน หรือออกมาจากพระอาจารย์เองหรือเปล่า เสียใจที่เห็นแบบนี้ สุดท้ายต้องกราบขมาพระอาจารย์จริงๆ ถ้าเป็นพระอาจารย์โพสต์ ที่บอกว่าตนเป็นศาลเตี้ย เป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือแม้แต่กระทั่งคำสำคัญที่สุด เสียใจมากที่สุด คือ การที่บอกว่าตนเอาคนที่ไม่ผิดเข้าคุก พระอาจารย์ครับเรื่องราวทั้งหมดที่พระอาจารย์พิมพ์มานี่ เข้าข้อหาหมิ่นประมาทนะครับพระอาจารย์ แล้วต้องเรียนพระอาจารย์ กฎหมายไทยไม่ได้บัญญัติไว้ว่าไม่ได้ให้ผมฟ้องพระนะครับแต่ใส่บาตรให้”

“ลุงป้อม” เชือด “สามารถ”

ในส่วนของนักการเมือง ชื่อย่อ ส.ที่ปรากฏในคลิปเสียงพูดคุยกับบอสพอล นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เผยว่า หลังตำรวจนำตัวกลุ่มผู้ต้องหาดิ ไอคอน กรุ๊ป 18คน ยื่นขอฝากขังต่อศาลอาญา คาดว่า ตำรวจจะสอบสวนขยายผลอาจพาดพิงไปถึงบุคคลในพรรค พปชร.อย่างใดหรือไม่นั้น เพื่อความสงบเรียบร้อยในการดำเนินงานของพรรค พปชร.ในฐานะเลขาธิการพรรคเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ออกคำสั่งให้นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช พ้นจากตำแหน่งรองโฆษกพรรค พปชร.ให้มีผลทันที พล.อ.ประวิตรลงนามคำสั่งแล้ว ส่วนการขับนายสามารถออกจากพรรคตามข้อบังคับพรรค ยังไม่สามารถทำได้ เพราะต้องใช้มติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยจะประชุม 29 ต.ค.นี้ ขณะนี้พยายามให้คนใกล้ชิดไปพูดคุยกับนายสามารถ แต่เจ้าตัวยืนยันจะไม่ลาออกจากพรรค ดังนั้น จะติดตามความคืบหน้าการสอบสวนดำเนินคดีนี้ เพื่อเสนอรายงานต่อที่ประชุมวันที่ 29 ต.ค. ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยประชาชนผู้เสียหายจากคดี ดิ ไอคอนกรุ๊ป ที่ไม่น่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

“ษิทรา” ร้อง “วันนอร์” ปลดทุก กมธ.

ที่รัฐสภา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เข้ายื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบและปลดนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาผู้แทนราษฎรทุกคณะ นายษิทรากล่าวว่า ตรวจสอบพบว่านายสามารถมีตำแหน่งใน กมธ.คณะต่างๆเกือบ 10 คณะ เท่าที่ทราบตอนนี้ยังอยู่ในไทย แต่ไม่กล้าออกมาตอบคำถามสื่อ รู้กันอยู่ว่าสนิทสนมหัวหน้าพรรค พปชร. ส่วนที่พรรค พปชร.ปลดนายสามารถออกจากรองโฆษกพรรคควรทำตั้งนานแล้ว

“วันนอร์” กร้าวล้างปรสิตสภา

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้สั่งให้ประธานกรรมาธิการทุกคณะตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งทุกตำแหน่ง ไม่ให้ใช้ตำแหน่งไปหลอกลวงประชาชน หากยังพบว่ามีประเด็นดังกล่าว คนที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบคือประธาน กมธ.คณะนั้นๆ หลังจากนี้จะตรวจสอบเรื่องของการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ อย่างเข้มข้นต่อไป

“คลัง” จี้ “สรรพากร” ตรวจ

วันเดียวกันนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า นายกรักรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูรายละเอียดกรณีธุรกิจขายตรงบริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยกระทรวงการคลังมอบหมายให้สรรพากรไปตรวจสอบการยื่นแบบแสดงภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัท และการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของผู้ต้องหา 18 ราย พบผู้ต้องหาบางรายไม่ได้ยื่นแบบภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดาหรือบางรายยื่นแบบแสดงเงินได้ไม่ครบถ้วน จะส่งชุดข้อมูลดังกล่าวให้กับหน่วยงานสืบสวนต่อไปเมื่อมีการร้องขอ ทั้งนี้ ต้องไปดูว่า รายได้ผู้ต้องหาและบริษัทตรงตามที่แจ้งหรือไม่ มีรายได้เกินมาจากส่วนใด อย่างไรก็ตาม สำหรับการไม่ยื่นแบบเงินได้ ไม่ได้แปลว่ามีความผิด อาจจะไม่มีรายได้ในปีนั้น แต่ต้องไปพิสูจน์ทราบต่อไป” นายจุลพันธ์กล่าว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่