ความในใจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ติดตามความคืบหน้าคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ถูกร้องหลอกลวงประชาชน มี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.

สอบสวนคดีสำคัญ

พล.ต.ท.จิรภพ วางระบบการอำนวยความสะดวกให้กลุ่มผู้เสียหายที่คิดว่าถูกหลอก ระดมพนักงานสอบสวนเชี่ยวชาญกว่า 100 นาย สอบปากคำผู้เสียหาย 900 คน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 400 ล้านบาท

ประสาน ปปง.ร่วมตรวจสอบ นำมาสู่การยึดทรัพย์สินกลุ่มเครือข่ายบริษัทเริ่มต้น 125 ล้านบาท

ตำรวจทำงานเพียง 3-4 วัน คดีคืบหน้าไปมาก แต่ด้วยกระแสที่ถูกปั่นรายวันอาจทำให้สังคมกังวลสับสนข่าวที่ปล่อยกันไปมา แต่ข้อเท็จจริงทางคดี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันหลักการตั้งแต่วันแรกที่ตำรวจเข้ามารับคดีว่า “ตรงไปตรงมา ยึดตามพยานหลักฐาน ไม่มีใครมาสั่งได้ และไม่โอนเอนไปตามกระแสคนที่คิดเข้ามาหาประโยชน์”

ตำรวจอยู่ข้างความถูกต้อง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ย้ำว่า “คดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมาพร้อมทนาย เขามีที่ปรึกษา แต่ผู้เสียหายไม่มีทนาย แต่ไม่ต้องกังวล ตำรวจจะเป็นทนายให้เอง ตำรวจจะเป็นทนายให้ประชาชน”

ส่วนกระแสข่าวใครจะมาฟ้องตำรวจ จะฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ ผบ.ตร.ทำหน้าที่ผู้นำหน่วยแอ่นอกรับ “ทุกคนทำตามคำสั่งตน ใครจะมาฟ้อง ขอให้มาฟ้องตนคนเดียว ไม่ต้องไปฟ้องร้องลูกน้องคนทำงาน”

ใจความสั้นๆของ ผบ.ตร. ตรงไปตรงมา ได้ใจตำรวจและประชาชน ตำรวจมี “นาย” พร้อมปกป้องคนทำงาน ประชาชนได้ ผบ.ตร. มาดูแลความเดือดร้อนของผู้เสียหายอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมทุกคน

ท่าทีชัดเจนของ ผบ.ตร. เชื่อว่าประชาชนที่ได้ฟังอุ่นใจและไว้ใจกับรูปแบบการทำงานของตำรวจ ความโปร่งใสและเป็นธรรม จะเป็นหลักการันตีตำรวจคนทำงานไม่ต้องกังวลในการทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย

...

ผลของคดีอยู่ที่พยานหลักฐาน ไม่ใช่การปั่นกระแส.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th