ศาลไม่ให้ประกันตัว 17 บอส "ดิ ไอคอน กรุ๊ป" พร้อมออกหมายขังส่งตัวเข้าเรือนจำ หลังตำรวจนำตัวไปฝากขังครั้งแรกพร้อมแนบคำร้องคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เหลือ “บอสพอล” จะนำตัวฝากขัง 18 ต.ค. เหตุเจ้าตัวขอให้การเพิ่ม เผย 3 บอสดาราระหว่างนำตัวขึ้นรถไปศาล บอสแซม-บอสกันต์ ยกมือไหว้สื่อตลอดทาง ด้านทนายบอสพอลระบุลูกความไม่กังวลถ้าไม่ได้ประกันแค่ฝากให้ดูแลแม่และลูก ยันมั่นใจข้อเท็จจริงและหลักฐาน แฉของกลางที่ตำรวจยึดจาก 18 ผู้ต้องหา ไม่ว่าจะรถหรูนาฬิกาหรูและทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่ารวมกัน 220 ล้าน เฉพาะบอสพอลคนเดียวปาไป 61 ล้าน ตำรวจเชื่อยังมีอีกเยอะเร่งขยายผลหลังพบยักย้ายถ่ายเทแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล ด้านดีเอสไอบุกเก็บหลักฐานในอาคารเช่าย่านบึงกุ่มหลังได้เบาะแส “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” นำข้อมูลฝากผ่านระบบคลาวด์ คาดมีรายชื่อแม่ข่าย-สมาชิก ข้อมูลกิจการรวมทั้งเส้นทางเงินอื้อ ระทึกบึมปลอมวางป่วน สนง.ใหญ่ดิ ไอคอน กรุ๊ป
ภายหลังตำรวจสอบสวนกลางนำโดย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.เปิดยุทธการ “หนุมานถล่มกรุง ดิ ไอคอน กรุ๊ป” จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 16 ต.ค.67 ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ จำนวน 18 ราย หลังร่วมกันดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ใช้ศิลปินดารานักแสดงโปรโมต มีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 1,067 ราย เสียหายกว่า 378.2 ล้านบาท ก่อนจับกุมทั้งหมดประกอบด้วย 1.นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล 2. น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสตัน 3.นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือบอสหมอเอก 4.น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ บอสสวย 5.น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ บอสโซดา 6.นายนันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา บอสโอม
...
7.นายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ บอสวิน 8.นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ บอสป๊อบ 9.นายยุรนันท์ ภมรมนตรี บอสแซม 10.น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน 11.นางวิไลลักษณ์ เจ็งสุวรรณ บอสจอย 12.นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือบอสอ๊อฟ 13.นายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ 14.นายเชษฐ์ณภัฎ อภิพัฒนากานต์ หรือบอสทอมมี่ 15. น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา หรือบอสอูมมี่ 16.นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ 17.นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือโค้ชแล้ป 18.น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์ หรือบอสแม่หญิง โดยก่อนหน้า ปปง.ได้อายัดทรัพย์สิน บ.ดิ ไอคอนกรุ๊ป และนายกันต์ กันตถาวร พิธีกรชื่อดัง 125 ล้านบาทชั่วคราว 90 วัน ขณะที่ดีเอสไออายัดที่ดิน 63 ไร่ ที่ลำลูกกา มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ตามที่นำเสนอข่าวไปนั้น
แยกแต่ละบอสสอบปากคำ
มีรายงานเมื่อกลางดึกวันที่ 16 ต.ค. ว่า หลังจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับครบทั้ง 18 คน ตั้งแต่เมื่อเวลา 21.10 น. ตรวจยึดหลักฐานและทรัพย์สินต่างๆ แล้ว ได้นำทั้งหมดมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน ก่อนพาขึ้นไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค บก.ปคบ.ชั้น 12-13-14 เพื่อแยกสอบปากคำ ท่ามกลางสื่อมวลชนนับร้อยที่ปักหลักทำข่าวฉาววงการบันเทิงอย่างต่อเนื่องกว่า 14 ชม. โดยแต่ละบอสจะมีทนายความส่วนตัวประกบ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ไม่ขอให้การในชั้นสอบสวนแต่ขอไปให้การชั้นศาลแทน ระหว่างการสอบปากคำมีการนำผู้ต้องหาผลัดเปลี่ยนไปพักที่ห้องควบคุมที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม แยกห้องขังชายหญิง ไม่มีห้องขัง VIP ก่อนนำตัวกลับมาสอบปากคำต่อในช่วงเช้ามืด
เตรียมยื่นประกัน 18 ผู้ต้องหา
กระทั่งเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กล่าวว่า ถึงตอนนี้บอสพอลยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาพร้อมยืนยันคำให้การเดิมเช่นเดียวกับที่ให้การในวันที่ 12 ต.ค. ส่วนกรณีที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวเป็นสิทธิตำรวจ แต่ได้เตรียมหลักทรัพย์ยื่นประกันตัวในชั้นศาลให้กับบอสทั้ง 18 คน โดยจะแถลงศาลว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีตั้งแต่ต้น มารายงานตัวและยินดีมาให้ปากคำตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. และจะมารายงานตัวทุกๆ 5 วัน เพื่อให้ตำรวจมั่นใจว่าจะไม่หนีแน่นอน เพื่อชี้ให้ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาหลบหนี แต่กลับถูกตำรวจบุกไปจับกุมที่ สคบ. มีหลักฐานบันทึกไว้ทุกอย่าง เชื่อว่าเป็นเหตุผลเพียงพอให้ศาลรับฟัง
ไม่ได้ก็แค่เปลี่ยนที่นอน
นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนหลักทรัพย์ที่เตรียมไว้เป็นการไปหยิบยืมเพื่อนของผู้ต้องหา เนื่องจากบัญชีผู้ต้องหาถูกอายัด แต่ทั้งนี้ผู้ต้องหาไม่ได้กังวลใจหากไม่ได้รับการประกันตัวชั้นศาล มองว่าเป็นแค่การเปลี่ยนที่นอน เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อ ส่วนจะยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวอีกรอบหรือไม่นั้น ขอหารือกับทีมทนายอีกครั้ง
บอสพอลฝากดูแม่และลูก
ทนายความบอสพอลกล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางการต่อสู้คดียังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่ยืนยันว่ามั่นใจในข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เมื่อคืนอยู่กับบอสพอลจนถึงส่งเข้านอน บอสพอลไม่ได้กังวลหรือตกใจ เข้าใจว่าทุกคนทำหน้าที่พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ฝากอะไรเป็นพิเศษนอกจากให้ดูแลแม่และลูก ส่วนเรื่องบริษัทนั้นไม่ทราบ ทราบเพียงว่าบอสพอลได้พูดคุยกับผู้ต้องหาคนอื่นๆแล้ว ทุกคนยังดูท่าทางปกติดี
...
ผบ.ตร.สั่งขยายผลต่อ
เช้าวันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงการดำเนิน คดี 18 ผู้ต้องหาของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัดหลังจับกุมทั้งหมดได้ว่า การขยายผลความผิดและเครือข่ายผู้ต้องหาเป็นเรื่องที่ตำรวจจะต้องดำเนินการต่อตามขั้นตอน รวมไปถึงการรวบรวมพฤติการณ์การกระทำความผิด เส้นทางการเงินบัญชีของผู้ต้องหาและที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับผู้ต้องหาที่จับกุมมาว่าจะให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจมากน้อยเพียงใด แต่ถึงแม้จะไม่ให้การที่เป็นประโยชน์เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องทำงานต่อให้ได้
รับทำงานใกล้ชิดดีเอสไอ
เมื่อถามว่าในการที่จะส่งต่อคดีนี้ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งทราบมาว่าขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาแล้ว ผบ.ตร.กล่าวว่า ตำรวจทำงานอย่างใกล้ชิดกับดีเอสไอ เพื่อพิจารณาเงื่อนไขของคดี จำนวนผู้เสียหาย จำนวนทรัพย์สิน ฐานความผิด เพื่อให้การส่งมอบเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในระหว่างที่ยังไม่ได้ส่งมอบ พนักงานสอบสวนเองจะสืบสวนสอบสวนขยายผลให้ถึงที่สุดก่อน การที่ดีเอสไอตั้งคณะทำงานพิจารณา เชื่อว่าเป็นการเตรียมที่จะพิจารณาว่าเรื่องนี้เข้ากับอำนาจหน้าที่หรือไม่
ขออย่ามองว่าแย่งงานกัน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ทั้งนี้ ไม่อยากให้สังคมมองว่าเกิดการแย่งงานระหว่างหน่วยงาน เพราะแต่ละหน่วยงานต่างมีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดูแลที่แตกต่างกัน ยอมรับว่ารู้สึกดีที่แต่ละองค์กรที่มีหน้าที่ได้เข้ามาช่วยกันพิจารณา เพราะสะท้อนว่าหน่วยงานราชการเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ถูกกระทำเป็นวงกว้าง หากแต่ละหน่วยงานนิ่งเฉยสิ่งนี้จะเป็นเรื่องไม่น่าสบายใจ
“จากนี้หากคดีอยู่ในความดูแลของดีเอสไอ และร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสนับสนุนช่วยเหลือ ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับการรับแจ้งความร้องทุกข์จากประชาชนผู้เสียหาย ในอนาคตเป็นไปได้ที่จะมีอีก หน่วยงานที่ช่วยรับเรื่องนอกจากที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จัดเป็นศูนย์รับแจ้งความอย่างไม่มีกำหนดเวลา ปัจจุบันมีประชาชนแจ้งความจากกรณีดังกล่าวเข้าระบบแล้ว 1,100 ราย วันนี้คาดว่าจะมีเพิ่มเป็น 1,300 ราย เพราะแต่ละวันจะมีข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ประมาณ 200-300 ราย” ผบ.ตร.กล่าว
...
สั่งสอบตำรวจทำงานให้ดิไอคอน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐยังกล่าวถึงกรณีที่ในสื่อโซเชียลส่งต่อภาพตำรวจใส่เครื่องแบบและให้ข้อมูลความรู้ในเชิงเป็นโค้ชบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ปฯว่า เห็นภาพและผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องได้สอบสวนแล้ว ต้องพิสูจน์ทราบว่ามีสถานะเป็นโค้ชพรีเซนเตอร์หรือเกี่ยวพันอะไรกับบริษัทหรือไม่ และจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอะไรหรือไม่ หากพบว่ากระทำผิดจริง ต้องมีการลงโทษทั้งทางวินัยและอาญารวมทั้งจะต้องถามว่าตัวของตำรวจรายนี้เอาเวลาที่ไหนไปทำแบบนี้ กระทบต่อเวลาราชการ เบียดบังเวลาในการทำงานให้พี่น้องประชาชนหรือไม่
หนุมานคุม 17 บอสฝากขัง
ต่อมาเวลา 15.40 น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.ภัทรพล ปัทมวงศ์ ผกก.สส.น.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.น.บก.ป. (หนุมาน) พร้อมรถตู้ 4 คัน นำผู้ต้องหา 17 คน ยกเว้นนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญา รัชดา
“บอสแซม-บอสกันต์” ไหว้ตลอดทาง
ระหว่างนำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งศาลผัดฟ้องฝากขังนัดแรก พบนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม ใส่เสื้อแจ็กเกตคลุม สวมแมสก์ใส่หมวก ส่วนนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ยังสวมเสื้อสูทดำเสื้อยืดดำทับใน สวมแมสก์ดำปิดหน้าทั้ง 2 คน เมื่อถูกคุมตัวออกมาเห็นผู้สื่อข่าวต่างยกมือไหว้ตลอดทางไปจนถึงรถตู้ ส่วนมิน-พีชญา วัฒนามนตรี แต่งตัวมิดชิด สวมเสื้อนวมแขนยาว กางเกงขายาวสีดำ สวมแมสก์สีฟ้าใส่แว่นตาดำ เดินตามหลัง เมื่อถามว่ารู้สึกกังวลหรือไม่ ทั้ง 17 รายไม่ตอบก่อนถูกคุมตัวขึ้นรถตู้ไปศาลอาญาทันที
เผย “บอสพอล” ขอให้การเพิ่ม
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เผยว่า ได้สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดเสร็จสิ้น 17 ราย นำตัวส่งฝากขังศาลเป็นที่เรียบร้อยโดยคัดค้านการประกันตัวทั้งหมด ยังเหลืออีก 1 ราย คือบอสพอลที่ยังสอบสวนไม่เสร็จ เพราะผู้ต้องหาและทนายประสงค์ให้รายละเอียดของคดีเพิ่มเติมเป็นสิทธิ์ผู้ต้องหา ทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนจะมีประเด็นอะไรบ้างขอไม่เปิดเผย เนื่องจากเป็นรายละเอียดของสำนวนคดี ส่วนกรอบระยะเวลาในการสอบปากคำบอสพอลคาดว่าจะใช้เวลาถึงวันพรุ่งนี้ ตามกรอบอำนาจ 48 ชม.
...
ปัดตอบ “เมียบอสกันต์” เป็นแม่ข่าย
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะพิจารณาออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐาน และจากการสอบสวนผู้เสียหายที่มีจำนวนมากขึ้น กำลังพิจารณากันอยู่ว่าหลักฐานจะไปเชื่อมโยงถึงผู้ใดบ้าง ส่วนทรัพย์สินบอสพอลมีส่วนของการดำเนินคดีและยึดทรัพย์ควบคู่กันไปแต่ยังไม่ขอลงรายละเอียด ส่วนการให้การของกลุ่มบอสดารามีท่าทีเป็นอย่างไรบ้างนั้น อย่างที่ทุกท่านเห็นไม่ขอตอบ เมื่อถามถึงภรรยาบอสกันต์ จะอยู่ในส่วนผู้ต้องหาลอตใหม่หรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ระบุว่า ขึ้นอยู่กับกระบวนการการสอบสวน ส่วนจะเป็นแม่ข่ายหรือไม่นั้นไม่ขอตอบ พนักงานสอบสวนยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกเยอะ เพราะการทำสำนวนไม่ได้อยู่ที่การให้การของผู้ต้องหาอย่างเดียว มีอีกหลายส่วนประกอบกัน ส่วนกรณีที่มีชื่อบุคคลหนึ่งถูกกล่าวอ้างถึงในคลิปเสียงเทวดา เป็นความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ที่จะต้องสอบปากคำหารายละเอียดต่างๆ
ศาลอนุญาตให้ฝากขัง
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นำกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 17 คน มายื่นฝากขังต่อศาลเป็นครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-28 ต.ค. พร้อมคัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีที่ส่งผลกระทบแก่ประชาชนจำนวนมาก มีความเสียหายมากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้
ตัวแทนเหยื่อร้องศาลค้านประกัน
ขณะเดียวกัน ที่หน้าศาลอาญา มีตัวแทนผู้เสียหาย พร้อมทนายความจากมูลนิธิทวงคืนความยุติธรรมในสังคมไทย เข้ายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว โดยนายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิทวงคืนความยุติธรรมในสังคมไทย เผยว่า คดีนี้มีอัตราโทษสูง มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงที่ผ่านมามีข้อมูลว่าอาจมีบุคคลที่อ้างตัวเป็นเทวดา เข้ามาช่วยเหลือทางคดี จึงมีกังวลว่าหากผู้ต้องหาทั้ง 18 คนถูกปล่อยตัว เกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งคดีนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ การเมืองและความเสียหายต่อประชาชนจำนวนมากแค่ในกลุ่มของมูลนิธิมีผู้เสียหายประมาณ 150 คน วันนี้จึงเป็นตัวแทนผู้เสียหายเข้ามายื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว
3 บอสดาราวืดประกันนอนเรือนจำ
ต่อมาเวลา 19.00 น. ศาลมีคำสั่งเฉพาะ นายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน และนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม 3 ศิลปินที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เพียง 3 คน ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูงมีความเสียหายวงกว้าง เกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงไม่อนุญาต ยกคำร้องและออกหมายขัง ผู้ต้องหาทั้ง 17 คน ไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกลางทันทีโดยคำสั่งมีรายละเอียดว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ลักษณะพฤติการณ์แห่งคดีมีการกระทำเป็นขบวนการ นับเป็นเรื่องร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อวงกว้าง และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายคัดค้านการประกันในชั้นนี้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
ยึดทรัพย์ 18 ผู้ต้องหารวม 219.7 ล้าน
มีรายงานว่า ปฏิบัติการ “หนุมานถล่มกรุงดิ ไอคอน กรุ๊ป” ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ที่เชื่อว่าน่าจะได้มาจากการกระทำผิดหลายรายการ ประกอบด้วย รถหรู 23 คัน ทองคำ กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนม 121 รายการ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 39 ชิ้น โฉนดที่ดิน ของมีค่าอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 219,714,889 บาท
“บอสพอล” คนเดียวกว่า 61 ล.
เมื่อแยกจำเพาะเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มบอสระดับบน พบว่านายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด มีทรัพย์สินที่ถูกตรวจยึดหลายรายการ ประกอบด้วย รถยนต์หรูยี่ห้อ Benz รุ่น S 500e 1 คัน รถหรู bentley รุ่น flying spur hybrid 1 คัน รถยนต์หรู rolls royce 1 คัน รถอเนกประสงค์ Ford 1 คัน และรถตู้ 1 คัน นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าแบรนด์เนม ปืน นาฬิกาหรูหลายรายการรวมมูลค่ากว่า 61 ล้านบาท
“บอสปัน” รถหรู 2 คันมูลค่า 30 ล.
ส่วน น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน ถูกยึดทรัพย์ รถหรู 2 คัน คือรถหรู mclaren 1 คัน และรถหรูยี่ห้อ bmw รุ่น x3 จำนวน 1 คัน รวมมูลค่า 30,000,000 บาท นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ถูกยึดรถยนต์หรู 2 คัน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 6 รายการ รวมมูลค่า 12,120,000 บาท เช่นเดียวกับนายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือ บอสหมอเอก ถูกยึดรถยนต์หรู 1 คัน ของแบรนด์เนมและเครื่องประดับ 9 รายการ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 3 รายการ โฉนดห้องชุด 1 ห้อง รวมมูลค่า 3,845,000 บาท ส่วน น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือบอสสวย ถูกยึดรถหรู 1 คัน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 5 รายการ โฉนดที่ดิน 1 รายการ รวมมูลค่า 6,100,000 บาท
“แซม-มิน” โดนแค่จิ๊บๆ
ส่วนนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม ถูก ยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 รายการ มูลค่า 2 หมื่นบาท เช่นเดียวกับมิน-พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน ถูกยึดแค่กระเป๋าเดินทางหลุยส์ 1 ใบ มูลค่า 125,000บาท
“บอสกันต์” อ่วมยึดรถหรู 4 คัน
ด้านพิธีกรหนุ่มชื่อดัง กันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ถูกยึดรถหรูยี่ห้อ Mercedes Benz รุ่น Sprinter 416 CDI Van รุ่น ปี 2020 สีดำ 1 คัน รถหรู Porche รุ่น Cayenne S E-Hybrid ปี 2014 สีแดง 1 คัน รถสปอร์ต FORD Muastang 1 คัน รถอเนกประสงค์ ยี่ห้อ KIA รุ่น CARNIVAL ปี 2022 จำนวน 1 คัน iPad mini 2 จำนวน 1 เครื่อง และผลิตภัณฑ์ THE iCON หลายรายการ รวมมูลค่า 17,077,000 บาท
“บอสโซดา” คนเดียวโดนยึด 45 ล.
ส่วนนางวิไลลักษณ์ เจ็งสุวรรณ หรือบอสจอย ถูกยึดทรัพย์รถยนต์อัลพาร์ด 1 คัน เงินสด 6 ล้านบาท สร้อยคอ กำไลทองคำ และกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่า 9,600,000 บาท ขณะที่ น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสโซดา ถูกยึดทรัพย์รวม 45 ล้านบาท เช่นเดียวกับนายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือบอสอ๊อฟ ถูกยึดทรัพย์รถหรูปอร์เช่ 1 คัน เงินสดกว่า 1 ล้านบาท ทองคำ กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู เงินสด รวมมูลค่า 16,740,000 บาท ขณะที่ตัวละครบิ๊กบอสสำคัญอีกรายอย่าง น.ส.กนกธรปูรณะสุคนธ์ หรือบอสแม่หญิง มีทรัพย์สินที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึด ประกอบด้วยรถยนต์หรูยี่ห้อ PORSCHE จำนวน 1 คัน รถอเนกประสงค์โตโยต้า 1 คัน รวมไปถึงกระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินมีค่าอื่นๆอีกหลายรายการ รวมมูลค่า 9,318,889 บาท
บางส่วนแปลงเป็นเงินดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม สำหรับทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้เกือบ 220 ล้านบาท นั้นยังเป็นเพียงแค่ทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ตรวจพบในเบื้องต้น เพราะยังมีทรัพย์สินมีค่าอีกหลายรายการที่อยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบเพื่อติดตามตรวจยึดกลับคืน เนื่องจากแนวทางสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาบางส่วนมีการแปลง สินทรัพย์เงินสดเป็นสกุลเงินดิจิทัลในลักษณะของการลงทุน ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะถูกเปิดโปงเป็นคดีความเพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ
ถอนสด 1.8 ล้านก่อนถูกอายัดไม่กี่ ชม.
มีรายงานในการตรวจสอบเส้นเงินของนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ พิธีกรชื่อดังยังพบว่ามีการถอนเงินจากบัญชีธนาคารส่วนตัว 1.8 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ก่อนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.จะมีคำสั่งอายัดทรัพย์ชั่วคราว 90 วัน ไม่กี่ชั่วโมง
ขยายผลเส้นเงินจ่อหมายจับเพิ่ม
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กำลังขยายผลจากพยานหลักฐานและคำให้การผู้เสียหายที่ยืนยันตัวบุคคลที่กระทำผิดได้ชัดเจนเป็นหลัก เชื่อว่ายังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย ขณะนี้กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินหาความเชื่อมโยงโดยเฉพาะกลุ่มคนใกล้ชิดกับผู้ต้องหาชุดแรกที่น่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือรับผลประโยชน์จากการกระทำผิดด้วย
หลักฐานชัดเน้นดึงเหยื่อลงทุน
ในส่วนพยานหลักฐานสำคัญที่นำมาสู่การออกหมายจับทั้ง 18 ราย ส่วนใหญ่เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ได้ว่าผู้ต้องหาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอย่างชัดเจน และความผิดนั้นสำเร็จครบองค์ประกอบของข้อกฎหมาย โดยเฉพาะพฤติกรรมการชักชวนผู้คนให้มาร่วมลงทุนโดยไม่ได้มุ่งเน้นหรือส่งเสริมการขายผลิตสินค้า แต่กลับทำคอนเทนต์โปรโมตสร้างแรงจูงใจดึงดูดให้เหยื่อตัดสินใจร่วมลงทุน
ใช้ศิลปินโน้มน้าวให้น่าเชื่อถือ
การสอบสวนยังพบอีกว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะเกี่ยวข้องจัดสัมมนาเครือข่ายที่มักจัดขึ้นทุกเดือน แต่ละครั้งจะเรียกเก็บเงินค่าเข้าร่วมงานจากสมาชิก งานดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นใหญ่โตหรูหรา ทำคอนเทนต์โปรโมตนำผู้ร่วมลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากสินค้าในเครือ อาทิ เดิมเป็นชาวนายากจนแต่เมื่อร่วมลงทุนแล้วจะทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นจนร่ำรวย สร้างแรงจูงใจให้สมาชิกรุ่นใหม่อยากเข้าร่วมลงทุน โดยมีกลุ่มศิลปินดาราพูดโน้มน้าวเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงผลตอบแทนที่กลุ่มบอสศิลปินดาราจะได้รับจากการจัดงานทุกครั้ง ทำให้พยานหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอให้เห็นว่ากระทำผิดจริง ไม่ได้เป็นเพียงพรีเซนเตอร์ตามที่กล่าวอ้าง
“เอ๋-อัจฉรา” รับกลัว “เหล่าเทวดา”
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.30 น. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พา น.ส.อัจฉรา ทองเทพ หรือเอ๋ นักแสดง และนายคริสโตเฟอร์เบญจกุล อดีตนักแสดง ผู้เสียหายจากคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่แจ้งความไปก่อนหน้านี้ มาพบพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอีกครั้ง โดยกันจอมพลังเผยว่า ทั้งคู่หวั่นคดีมีเบื้องหลังคอยช่วย หลังมีคลิปเสียงออกมาทำผู้เสียหายรู้สึกไม่สบายใจเลยต้องพามาพบตำรวจให้ช่วยตรวจสอบคลิปเสียงว่าเป็นเสียงใคร และนายวรัตน์พลหรือบอสพอลเข้าข่ายติดสินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ มีการวิ่งเต้นหรือให้ใครช่วยเหลือทางคดีหรือไม่ ด้านเอ๋-อัจฉราเผยว่า ยอมรับว่าขณะนี้หวั่นกลัวเหล่า “เทวดา” ที่เป็นเบื้องหลัง บอสพอล อยากฝากถึงอีก 2 บอส คือแม่โน๊ตและพ่อหนุ่มที่เป็นแม่ข่ายตนออกมาให้ข้อมูลเพราะจะเป็นประโยชน์กับตำรวจและช่วยเหลือลูกข่ายอีกหลายแสนคนที่เป็นลูกทีมทั้ง 2 คนได้ แต่หากทั้งคู่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยก็สามารถประสานมาที่กัน จอมพลัง ยืนยันว่าจะรักษาความปลอดภัยได้แน่นอน และสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือ อยากให้เยียวยาผู้เสียหาย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางเป็นอันดับแรก
ดีเอสไอค้น บ.เก็บข้อมูลดิ ไอคอน
ส่วนการทำงานของดีเอสไอ เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมพนักงานสอบสวนพิเศษ นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจสอบอาคารแห่งหนึ่งบนถนนรัชดาภิเษก- รามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. อาคารดังกล่าวเป็นอาคารสูง 5 ชั้น หลังสืบสวนทราบว่าเป็นอาคารของบริษัทที่รับจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลบนคลาวด์
เก็บหลักฐานทางดิจิทัลได้เพียบ
หลังตรวจค้น พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวสำคัญว่า ดิ ไอคอน กรุ๊ป เช่าเซิร์ฟเวอร์ คราวด์ เพื่อแบ็กอัปเก็บข้อมูลไว้กับบริษัทในสถานที่แห่งนี้ หลังทราบข้อมูลจึงต้องรีบดำเนินการเพราะถือเป็นหลักฐานทางดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและรวดเร็ว ขณะนี้อยู่ระหว่างแบ็กอัปข้อมูลทั้งหมด ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีกิจกรรมเกี่ยวกับบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ทั้งหมด คาดว่าจะมีข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ต่อการสืบสวน และคาดว่าจะพบข้อมูลเกี่ยวกับแม่ข่ายทั้งหมด ส่วนจะพบข้อมูลใดบ้างต้องแบ็กอัปข้อมูลมาก่อน โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเก็บหลักฐานทางดิจิทัลมาเก็บรวบรวมให้
จุด 2 ค้นตึก “โค้ชแล็ป”
ไล่เลี่ยกัน ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดี DSI นำกำลังตรวจค้นบริษัท เซิร์ฟริช จำกัด เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เลขที่ 34/1 ซอยรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งเป็นบริษัทเครือข่ายดิ ไอคอน กรุ๊ป มีนายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือโค้ชเเล็ป เป็นเจ้าของ พบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายเครื่องแต่ไม่พบผู้ดูแล ร.ต.อ.วิษณุเผยว่า มีผู้ให้เบาะแสว่าระบบหลังบ้านของดิ ไอคอน กรุ๊ป มีโปรแกรมเมอร์ดูแลอยู่ในตึกดังกล่าว ตอนนี้ทราบว่าโค้ชแล็ปถูกจับแล้วเป็น 1 ใน 18 ผู้ต้องหา แต่สิ่งสำคัญที่สุดต้องการหาข้อมูลระบบหลังบ้านของตัวบริษัทดิ ไอคอน เป็นที่มาของการขอหมายค้น มีรายชื่อโค้ชต่างๆที่เข้าถึงข้อมูลทางคอมพิวเตอร์อยู่ระหว่างตรวจสอบหาข้อมูล
อ.อ๊อดแจ้งจับกุนซือบอสพอล
เมื่อเวลา 10.00 น. รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารยอ๊อด อาจารย์นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เอาผิดดีเจรายหนึ่ง ที่อยู่ในขบวนการดิ ไอคอน กรุ๊ป โดย รศ.ดร.วีรชัย กล่าวว่า มาร้องทุกข์กล่าวโทษดีเจรายหนึ่ง เป็นคนถ่ายทอดวิชาแชร์ลูกโซ่ให้ “บอสพอล” ขอเรียกว่าดีเจมิจในมิตร เป็นคนช่วยเหลือคนในการมาเปิด โปงเรื่องเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ แต่ความจริงแล้วตั้งแต่คดีเมจิกสกิน คดีฟอเร็กซ์ ทำให้เขาได้เรียนรู้ในเรื่องเครือข่าย และกระบวนการทำงานระหว่างการขายตรง กับแชร์ลูกโซ่ ซึ่งคนต้นคิด และเขียนแผนให้บอสพอลทั้งหมดคือบุคคลคนนี้ เป็นผู้ทำให้ยอดขายในปีแรกทะลุ 4 พันล้านบาท โดยจะมีหน้าที่ทางเทรนนิ่ง เทรนเนอร์ ผู้สอนแผน และผู้ชักจูง และมาช่วยในเรื่องระบบหลังบ้านที่เรียกว่าดรอปชิพ คือการสมัครลงทุนมาแล้ว แต่บริษัทไม่มีของและไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้า เพราะบริษัทบอกว่าสามารถสต๊อกของไว้กับบริษัทได้ คือการนำเงินมาหมุน และไปหาเงินต่อ
บึมปลอมป่วน สนง.ใหญ่ดิ ไอคอน
เมื่อเวลา 11.45 น. พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดหน้าป้อมยามโครงการเนอวาน่า แอตเวิร์ค อยู่ระหว่างซอยรามอินทรา 7 และซอยรามอินทรา 9 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.ไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) บก.สปพ. พบกล่องพลาสติกกันน้ำ สีดำ มีหูหิ้ว ขนาด 30×20 หน้า 6 นิ้ว เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องเอกซเรย์ตรวจสอบเบื้องต้นพบไม่มีสาร วัตถุระเบิด ก่อนจะใช้เชือกดึงกล่องออกมาจากฟุตปาทมาที่กลางถนนเพื่อสะดวกในการเก็บกู้ เมื่อเปิดกล่องภายในพบแท่งสีน้ำตาลคล้ายระเบิดซีโฟร์ 5 แท่ง ยาวประมาณ 10 นิ้ว มีสายไฟต่อมาที่แผงวงจรนาฬิกา ดึงสายไฟออก จากนั้นแกะกระดาษสีน้ำตาลพบเป็นท่อพีวีซี รวม 5 อัน ทั้งนี้จุดวางระเบิดดังกล่าวอยู่ใกล้บริษัทในเครือดิ ไอคอน กรุ๊ป ของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นข่าวโด่งดังขณะนี้คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ข่มขู่
ไล่วงจรปิดหามือวาง
พ.ต.อ.อนันต์กล่าวว่า รับแจ้งจากพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ผู้มาพบคนแรก โดยพบกล่องต้องสงสัยหน้าห้องน้ำตรงอาคารนิติ ไม่มั่นใจว่าเป็นสิ่งใดก่อนนำมาวางไว้หน้าป้อมยาม เมื่อแกะดูก็ถึงพบและรีบโทร.แจ้งตำรวจตรวจสอบ โดยพบว่าเป็นเพียงท่อพีวีซี ภายในไม่มีวัตถุใดๆ ส่วนแผงวงจรก็ไม่ใช่ เชื่อได้ว่าเป็นระเบิดปลอมจึงเข้าเก็บกู้ ตรวจสอบพบเป็นกล่องและท่อพีวีซี ร้อยด้วยพลาสติกและกระดาษวงจรคล้ายกับของนาฬิกา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างไล่กล้องวงจรปิดหาผู้นำมาวางไว้ เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์
สาวกระบี่โกรธทำชีวิตลำบาก
ส่วนผู้เสียหายจากการลวงลงทุนยังเข้าแจ้งความตำรวจต่อเนื่อง ที่ จ.กระบี่ น.ส.ศิริวิกรณ์ เพ็งเคียน อายุ 45 ปี แจ้งความที่ สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ หลังตกเป็นผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนกับดิ ไอคอน สูญเงิน 325,000 บาท โดยเผยว่า เปิดบูธขายทัวร์อยู่ใน ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ช่วงวิกฤติโควิด-19 ปี 63 ไม่มีนักท่องเที่ยว มองหาช่องทางหารายได้ จนพบเครือข่าย ดิ ไอคอน ลองสมัครเข้าร่วมครั้งแรกด้วยค่าเรียน 79 บาท เรียนไปได้ 3-4 วัน แม่ข่ายคือ “บอสปัน” 1 ใน 18 ผู้ต้องหาที่ถูกจับ แนะนำให้เปิดบิลสินค้าครั้งแรก 2,500 บาท จากนั้นพูดชักจูงให้ลงทุนเพิ่มอีก 25,000 บาท เป็นการซื้อสินค้าเป็นกาแฟมาขาย ลงทุนเพิ่มเป็นดีลเลอร์ 250,000 บาท รวมๆกับอีก 50,000 บาท ต้องไปกู้เงินจากธนาคารมาลงทุน รวมทั้งนำรถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ และนำทอง 3 บาทไปขายมาลงทุน รวมๆแล้วกว่า 3 แสนบาท ภายหลังขายของไม่ได้ กระทั่งมาเห็นข่าว รู้สึกโกรธมากที่ไปหลอกผู้คนที่กำลังลำบาก
หัวหินทยอยแจ้ง 9 ราย
ที่ สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ 9 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 2.7 ล้านบาท เร่งการสอบปากคำ รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องส่งต่อไปยังตำรวจ บช.ก. โดยเร็วที่สุด น.ส.อุดมลักษณ์ โถยขุน อายุ 48 ปี ผู้เสียหายเผยว่า เห็นมีเปิดคอร์สสอนออนไลน์ เลยสนใจเข้าไปเรียนรู้การขายของออนไลน์ในราคา 299 บาทของ “บอสสวย” จากนั้นชวนเข้าไปประชุมสัมมนาในกรุงเทพฯ ตนก็ไปฟังแล้วเชื่อลงเงินเพิ่มรอบแรก 120,000 บาท รอบที่สอง 99,000 บาท รวมแล้ว 200,000 บาท พอมาเห็นข่าวเลยหยุดไว้แค่นี้ไม่ทำต่อแล้ว อยากฝากเตือนว่า คอร์สออนไลน์ทำให้สามารถไปเรียนรู้ได้ แต่การตัดสินใจทำธุรกิจอะไรสักอย่างหนึ่งต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้
ไม่มีค่าเทอมส่งลูกเรียน
ส่วน น.ส.เบญจพร สิริประภาชัย อายุ 51 ปี เจ้าของสวนอาหารเบญจพร อ.เมืองชลบุรี เข้าแจ้งกับ ร.ต.ท.ศุภกิตต์ คนที รอง สว.(สอบสวน) สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ให้ดำเนินคดีกับบอสพอลและดิ ไอคอน หลังโดนหลอกร่วมธุรกิจสูญเงินไปกว่า 5 แสนบาท น.ส.เบญจพรเผยว่า ร่วมลงทุนนำเอาสินค้าที่เป็นกาแฟ คอฟฟี่ บลูม มาลองขายและหาเครือข่าย ชักชวนร่วมลงทุนมาตลอดและเชิญชวนพาไปเที่ยว หลงกลนำบ้านไปจำนองธนาคาร ภายหลังสินค้าขายไม่ออก ไม่มีเงินส่งบ้านเดือนละ 12,000 บาท ลูกสาวต้องดร็อปเรียน 2 ปีเพราะตนไม่มีเงินส่ง รู้สึกเสียใจมากที่ทำให้ครอบครัวตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
เชียงใหม่ 67 ราย สูญ 21 ล้าน
จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จนถึงวันที่ 16 ต.ค.จำนวน 15 โรงพัก รวม 67 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 21,543,181 บาท ที่ จ.สุรินทร์ นางสมสุข อำพะสนธ์ท อายุ 48 ปี ผู้เสียหายเหยื่อดิ ไอคอน เปิดเผยว่า นำที่นา 8 ไร่ไปจำนองที่ธ.ก.ส. และบ้านพร้อมที่ดินจำนองที่กองทุนหมู่บ้าน สมัครเป็นลูกข่ายของดิ ไอคอน ต้องจ่ายเงิน 250,000 บาทจะได้สินค้ามา 10 ลัง ลังละ 25,000 บาท ต่อมาสินค้าที่สั่งมาขายได้เป็นบางชิ้น รวมตั้งแต่รับสินค้ามาขายได้ไม่กี่พันบาท ดิ ไอคอน เคยแจ้งว่าจะช่วยลูกข่ายขายให้เดินไปด้วยกัน แต่กลับไม่ช่วย กระทั่งสินค้าหมดอายุ หมดตัวแล้วซ้ำยังมีหนี้ หลังตำรวจจับกุมกลุ่มบอสมีความหวังจะได้เงินคืนกลับมาใช้หนี้สิน
หลงกลจำนำรถหาเงินลงทุน
ที่ สภ.เมืองลำปาง นางอุบลสวรรค์ อายุ 39 ปี ชาวลำปาง เป็นช่างเสริมสวย นำหลักฐานเอกสารเข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน หลังจากลงทุนกับดิ ไอคอนพร้อมเปิดเผยว่าเมื่อปี 64 ช่วงโควิดระบาดไม่รู้ทำอะไร ไม่ออกจากบ้านเล่นเฟซบุ๊กรู้จักกับกลุ่มเพื่อนชักชวนให้เข้าไปเรียนคอร์สออนไลน์ยิงแอดโฆษณาในราคา 98 บาท จากนั้นลงสมัครสมาชิก 2,500 บาท เพื่อลองซื้ออาหารเสริมต่างๆ มากิน ต่อมาลงทุนอีก 25,000 บาท และเปิดบิลอีก 250,000 บาท เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัทเป็นพวกคอลลาเจน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ แต่สุดท้ายขายไม่ได้เก็บภาพต่างๆไว้เป็นความทรงจำ และสูญเงิน 300,000 บาท เงินที่ลงทุนไปนั้นส่วนหนึ่งได้นำรถยนต์ไปจำนำในราคา 160,000 บาท และกู้เงินจากญาติพี่น้องมาลงทุน
“อิ๊งค์” สั่ง ผบ.ตร.ดูคดีเข้มข้น
เมื่อเวลา 14.45 น.ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปว่า ล่าสุดได้คุยกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.แล้ว ต้องรอเรื่องในชั้นศาลเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้กำลังดูอยู่ เมื่อถามว่า มีการโยงใยเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ น.ส.แพทองธารตอบว่า ได้คุยกันแล้ว ผบ.ตร.ดูเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่า เรื่องแบบนี้จะถูกจัดการ เมื่อถามว่า ผบ.ตร.แจ้งว่า จะออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเพิ่มหรือไม่ นายกฯตอบว่า ยังไม่ได้ระบุเช่นนั้น
รองนายกฯเร่ง กก.สอบ สคบ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ จากกรณีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่าได้ให้เริ่มทำงานทันที เนื่องจากเรื่องเป็นที่ สนใจของประชาชนมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก กรอบเวลาสอบคือ 30 วัน ต้องให้ได้ข้อมูลครบถ้วน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ยืนยันจะทำโดยเร็ว มั่นใจจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้มากขึ้น กรรมการแต่ละคนมีประสบการณ์ เคยทำงานในคดีที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสำคัญหลายคดีแล้ว
ยันไม่ปกป้องเทวดาทำผิด
เมื่อถามว่า การสอบจะลบข้อครหาเรื่องเทวดาใน สคบ.ได้หรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า ต้องลบให้ได้ เรื่องคลิปเสียง ใครที่อยู่ในผู้ต้องสงสัย หรือถูกพาดพิง ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด สั่งการแล้ว ให้ดำเนินการอย่างรัดกุม อย่าให้มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าจะมีการเชิญนักการเมืองที่ถูกพาดพิงมาชี้แจงหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า มีชื่อถึงใครจะเชิญมาหมด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ หรือบุคคลภายนอก แต่ยืนยันว่า เราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อถามอีกว่า บุคคลที่อยู่ใน สคบ.ที่ถูกพาดพิง จะต้องให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า ต้องรอดูผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ ดูความชอบธรรม ไม่ให้ฝ่ายใดได้รับความเสียหาย แต่ยืนยันไม่ปกป้องผู้กระทำความผิด
ขยับสอบ “พระ ว.” พันดิไอคอน
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายวีรภัทร คันธะ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงก่อนประชุมพิจารณากรณีปรากฏคลิปของพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) เทศน์สอนทีมผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่าพระก็เหมือนกับดารา คล้ายกับอินฟลูเอนเซอร์ ที่มีผลต่อความคิดและทัศนคติ เรื่องนี้ไม่ใช่กิจของสงฆ์การออกมาเชียร์ หรือพูด ในลักษณะจูงใจให้ลงทุนธุรกิจ ทางใดทางหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ยังมีพระสงฆ์องค์เจ้าลักษณะเดียวกันอีกหลายรูปที่เชียร์ธุรกิจกระทำไม่เหมาะสม
“ถกลเกียรติ” ยันฉายต่อละคร “มิน-แซม”
เวลา 19.30 น. ที่งาน “ปรากฏการณ์วันสนั่นจอ 2025” ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา “บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีจะทำอย่างไรต่อละคร “เกมรักปาฏิหาริย์” ที่กำลังออกอากาศทางช่องวัน 31 มีนักแสดงนำทั้ง มิน-พีชญา วัฒนามนตรี และ แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้ต้องหาคดีเกี่ยวกับดิไอคอนกรุ๊ป โดยบอยยืนยันว่า ละครเรื่องนี้จะยังออกอากาศต่อ สำหรับตนเชื่อว่าคนดูแยกแยะออกว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือละคร ในละครไม่ได้มีแค่มินและแซม แต่มีทั้งนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังรวมอีกกว่า 100 ชีวิต ถ้าละครโดนถอดจะยิ่งเสียหายเพิ่มขึ้นอยากถามว่าถ้าถอดละครเพื่อต้องการลงโทษมินและแซม คิดว่าวันนี้ เรื่องชื่อเสียงทั้งสองโดนสังคมลงโทษมากอยู่แล้ว ยังไม่นับรวมถึงการลงโทษทางคดีความที่อาจจะตามมา การถอดละครไม่ได้มีผลอะไรกับเขา แต่จะมีผลกับคนอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่