หลังจากแถลงข่าวอำลาโรงแรมดุสิตธานีหลังเก่า เพื่อที่จะปรับปรุงขึ้นใหม่ และผนวกเข้ากับศูนย์การค้าใหญ่อีกศูนย์หนึ่งที่จะเกิดขึ้นทางด้านหลัง กลายเป็น “ดุสิตเซ็นทรัลปาร์ค” โดยจะใช้เงินทุน 36,700 ล้านบาท จนกลายเป็นข่าวใหญ่ในช่วงปลายปี 2561 ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วนั้น

บัดนี้ 5 ปีเศษๆเกือบ 6 ปี (เลี้ยงอำลา 20 ธันวาคม 2561) โรงแรมดุสิตธานี

โฉมใหม่ก็กลับมาให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 กันยายน ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆนี่เอง

ในงานเลี้ยงอำลาอาลัยอาคารโรงแรมหลังเก่า หัวหน้าทีมซอกแซกได้รับเชิญไปร่วมงานด้วย ยังกลับมาเขียนถึงยาวเหยียด 1 คอลัมน์เต็มๆ

บรรยายถึงความหลังและความสุขที่เคยมาใช้บริการหลายๆอย่างของดุสิตธานี (ยกเว้นห้องนอนเท่านั้นที่ไม่เคยพัก) ตลอดเวลาเกือบ 50 ปีนับแต่วันเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2513 มาจนถึงวันเลี้ยงอำลาอาลัยเพื่อเดินไปสู่ยุคใหม่เมื่อปลายปี 2561 ดังกล่าว

ดังนั้นเมื่อทราบข่าวว่าโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา หัวหน้าทีมซอกแซกจึงไม่รอช้า พอมีจังหวะได้คิวว่างเมื่อบ่ายวันอังคารที่ 1 ตุลาคม (หลังเปิดใหม่ได้ 5 วัน) ก็ถือโอกาสไปซอกแซกในทันทีทันควัน

ก่อนอื่นคงต้องปรับความเข้าใจให้ตรงกันว่าที่ว่าสร้างเสร็จแล้วและเปิดให้บริการแล้ววันนี้ คือในส่วนเฉพาะอาคารโรงแรมและบริการบางส่วนของโรงแรมเท่านั้น...ในส่วนที่จะเป็นอาคารศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่ทันสมัยนั้นยังไม่แล้วเสร็จ เพราะยังมีผ้าพลาสติกยักษ์คลุมอยู่...คงต้องติดตามกันต่อไปว่าในส่วนนี้จะเสร็จเมื่อไร?

ขณะเดียวกัน ก็ขอทำความเข้าใจด้วยว่า การไปของหัวหน้าทีมซอกแซกครั้งนี้ไปอย่างตั้งใจจะระลึกความหลังส่วนตัว ในฐานะที่เป็น ผู้ใช้บริการรุ่นแรกๆ จึงมิได้ติดต่อประสานงานกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมแต่อย่างใด

...

ตั้งใจจะไปจิบกาแฟสักแก้วหนึ่งพร้อมสั่ง ของว่างมาแกล้มสักจานหนึ่งเพื่อให้หายคิดถึงดุสิตธานีเท่านั้น ข้อมูลตื้นลึกอย่างอื่นไว้ว่ากันในโอกาสสมควร เพราะเชื่อว่าคงจะมีการแถลงและแจกข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อโครงการทั้งโครงการเสร็จเรียบร้อย

ขอเริ่มต้นที่ล็อบบี้บาร์หน้าด่านแรกของโรงแรมทั่วโลกก่อนอื่นใดเลยครับ

ของดุสิตธานีใหม่ใช้ชื่อว่า แกรนด์ล็อบบี้บาร์ และมีการปรับปรุงใหม่ขยายออกไปให้กว้างขวางขึ้น รวมทั้งจะมีอยู่มุมหนึ่งที่สามารถมองเห็น “น้ำตก 9 ชั้น” หรือที่มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “น้ำตกสวรรค์ชั้นดุสิต” สัญลักษณ์เก่าแก่อีกประการหนึ่งของโรงแรมที่ยังคงเก็บรักษาไว้ และแต่งเติมเสริมใหม่ให้โดดเด่นกว่าเดิม

กาแฟยุคนี้ที่ไหนๆก็คล้ายคลึงกัน หัวหน้าทีมมิได้ติดรสชาติอยู่แล้ว จึงสั่งอเมริกาโน่มา 1 แก้ว...แต่ของแกล้มนี่ซีถือเป็นเอกลักษณ์ของล็อบบี้บาร์ดุสิตธานีใหม่เลยทีเดียว

เพราะเป็นขนมไทยๆล้วนๆหัวหน้าทีมซอกแซกชอบรับประทาน “ข้าวเหนียวปิ้ง” อยู่แล้ว (แต่ในเมนูเรียกว่า ข้าวเหนียวย่าง มีทั้งไส้เผือก+ไส้กล้วย) จึงสั่งมารับประทาน 1 จาน กลมกล่อมเข้ากับอเมริกาโน่ได้เป็นอย่างดี

หลังจากนั่งชมน้ำตกสวรรค์ชั้นดุสิตและดื่มกาแฟแกล้มข้าวเหนียวปิ้ง พร้อมพูดคุยกับหลานๆพนักงานเสิร์ฟหาความรู้ทั่วไปได้พอสมควรแล้ว หัวหน้าทีมก็ออกตระเวนต่อตั้งใจจะแวะไปห้องบอลรูม นภาลัย ที่คุ้นเคย...ปรากฏว่ากำลังจะขึ้นลิฟต์เจอพนักงานหนุ่มชายจึงไปถามข้อมูลว่าอยู่ที่ไหนไปอย่างไร?

โดยแนะนำตัวว่าลุงเป็นแฟนเก่าโรงแรมนี้เมื่อทราบว่าสร้างใหม่เสร็จแล้วจึงอยากมาดู ซึ่งแนะนำเพียงเท่านี้ พ่อหนุ่มก็ดีใจหายบอกว่าตามผมมาเลยครับพร้อมกับเดินนำผมขึ้นลิฟต์ไปสู่ห้องนภาลัย ซึ่งก็ปรากฏว่ามี กระทรวงสาธารณสุข มาเช่าเป็นห้องประชุมสัมมนาเกี่ยวกับไข้เลือดออกหรืออะไรนี่แหละ คุณหมอคุณพยาบาลนั่งเต็มไปหมด

ออกจากนภาลัยตั้งใจจะบอกลาพนักงานหนุ่มและขอบคุณที่เขาพามาชมห้องที่อยากชม...แต่พ่อหนุ่มกลับเสนอว่า “ท่านมาพอดีเลยครับ...วันนี้เพิ่งเปิดใช้สระน้ำบนชั้น 5 สวยมากเลยครับไปดูไหมครับผมจะพาไป”

จึงมีโอกาสได้ขึ้นไปดูชมสระนํ้าอันสวยงามบนระเบียงชั้น 5 ของตึก มองออกไปจะเห็นวิวสวนลุมฯทั้งสวนสวยงามอย่างบอกไม่ถูก... ขอขอบคุณพ่อหนุ่มด้วยที่ช่วยสงเคราะห์พาคนแก่ให้มาได้เห็นสระน้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

ก่อนกลับถามหนุ่มว่า ห้อง “เทียร่า” ซึ่งเคยเป็นห้องอาหารชั้นสูงสุด ยังมีไหม? ได้รับคำตอบว่า มี แต่ยังไม่เสร็จในช่วงนี้?

ถามอีกว่าแล้วยอดแหลมๆของดุสิตธานีเก่าล่ะ เอาไปไว้ไหน เพราะของใหม่เท่าที่เห็นดูสูงใหญ่กว่ากันมาก...เจ้าหนุ่มตอบว่า...เรายังเก็บไว้ครับ ไว้ข้างบนสุดยอดโน่นแหละ แต่สร้างเสาใหม่ที่ใหญ่กว่ามาครอบไว้อีกที

ได้ยินคำตอบแค่นี้ ก็ชื่นใจแล้วครับ รวมทั้งจากข้อมูลที่สอบถามจากหลานพนักงานเสิร์ฟด้วย

ดุสิตธานียุคใหม่ยังเก็บความเป็นดุสิตธานีเก่าไว้เกือบครบถ้วน เพียงแต่อาจจะไม่อยู่ในรูปแบบที่เราเคยเห็นร้อยเปอร์เซ็นต์...ถือเป็นแนวทางการพัฒนาที่ถูกต้อง

“ได้ใหม่อย่าลืมเก่า” ภาษิตไทยโบราณ เราสอนไว้แล้ว และเป็น “เข็มทิศ” ที่ดุสิตธานียุคใหม่เดินตามรอยทุกประการ.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” เพิ่มเติม