ผมขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อพ่อแม่พี่น้องและญาติมิตรของเด็กนักเรียนและคุณครูจากจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุ สุดสลด “ไฟไหม้รถบัสนักเรียน” เสียชีวิตรวมกัน 23 ศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ณ บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน เมื่อช่วงก่อนเที่ยงของวันอังคารที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
เป็นเด็กๆและคุณครูจากโรงเรียน วัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่อยู่ระหว่างเดินทางมาทัศนศึกษา ณ จังหวัดอยุธยาและกำลังมุ่งหน้าไปเยี่ยมชม “ศูนย์การเรียนรู้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต” หรือพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ที่บางกรวย
ผมเองก็เหมือนกับพี่น้องชาวไทยหลายสิบล้านคนที่ติดตามข่าวนี้อย่างใจจดใจจ่อมาตั้งแต่เริ่มมีการเผยแพร่ทั้งในโซเชียลมีเดียและสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ
ครั้นเมื่อทราบถึงผลลงเอยสุดท้ายคือมีผู้เสียชีวิต 23 รายและส่วนใหญ่เป็นนักเรียน ผมก็เกิดอาการเศร้าซึมไปพักใหญ่ๆ
ขออนุญาตส่งคำปลอบขวัญและกำลังใจมาถึงพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ และคุณครูทุกท่านที่เสียชีวิต ผ่านคอลัมน์นี้อีกครั้งหนึ่ง
ล่าสุดได้รับทราบจากข่าวของทุกสำนักว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ที่ผมเชื่อว่าญาติสนิทหรือพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆจะบังเกิดความสำนึกและจารึกพระมหากรุณาธิคุณไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมตลอดไป
ในส่วนของรัฐบาลผมก็ขอชมเชยที่ท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงไปให้กำลังใจ และดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาถึงบริเวณสถานที่เกิดเหตุ...โดยตัวท่านนายกฯเองถึงกับร่ำไห้ในทันทีที่ทราบข่าวนี้
...
ผมก็หวังว่าความช่วยเหลือเจือจานแก่ครอบครัวของผู้โชคร้าย คงจะดำเนินการต่อไป ควบคู่ไปกับการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและความกระจ่างมากขึ้น
โดยเฉพาะสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้รถบัสไปจนถึงการตรวจสอบหาข้อบกพร่องต่างๆให้ครบถ้วน
จากนั้นก็ให้สรุปประเด็นทุกประเด็นเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์สลดเช่นนี้อีก หรือหากจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จะได้อาศัยบทสรุปต่างๆจากกรณีนี้มาช่วยผ่อนหนักเป็นเบา
ส่วนที่สังคมไทยของเรามีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม “ทัศนศึกษา” ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยมีผู้เสนอว่า ควรจะยกเลิกกิจกรรมในด้านนี้ได้แล้ว เพราะพิสูจน์ให้เห็นหลายครั้งว่า ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ
ต่อมาท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ก็ได้ออกมาสั่งการให้งดกิจกรรม “ทัศนศึกษา” เอาไว้ก่อนระยะหนึ่ง ขอให้จัดเท่าที่จำเป็นจนกว่าจะสามารถกำหนด แนวทางป้องกันอุบัติเหตุต่างๆให้ดีขึ้นกว่าปัจจุบันนี้ในอนาคต
ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอให้หยุดการเดินทางของเด็กๆ เพื่อไปทัศนศึกษาในช่วงเวลานี้ไปพลางก่อน แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หากจะถึงขั้นยกเลิกไม่ให้มีกิจกรรมทัศนศึกษาเอาเสียเลย
เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว การออกไปทัศนศึกษาหรือการไปเยี่ยมชมสถานที่เรียนรู้นอกห้องเรียน ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง
จะทำให้เด็กๆมีความทรงจำที่ดีมีการพัฒนาและปรับปรุง ตนเองให้รู้จักคิด รู้จักทำ และสะสมความรู้ควบคู่ไปกับประสบการณ์ดังที่เราเห็นในประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น
เอาเถิดครับจะหยุดเดินทางหยุดไปทัศนศึกษาสักพักหนึ่งในระหว่างที่เรายังมีอารมณ์และความรู้สึกที่เศร้าหมองร่วมกันในเหตุการณ์ครั้งนี้ผมเห็นด้วยครับ
แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ผมหวังว่าระบบทัศนศึกษาเพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียนจะกลับมาดังเดิม ฝากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไว้ด้วยครับ.
"ซูม"
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม