เวทีการประกวดศิลปกรรม ปตท. ที่จัดต่อเนื่องมาถึง 39 ครั้ง โดยความร่วมมือระหว่าง ปตท. และมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้กลายมาเป็นพลังหนุนที่มีความหมาย และช่วยกรุยทางให้แก่ศิลปินไทยรุ่นใหม่ได้มากมาย นับตั้งแต่ริเริ่มโครงการเมื่อปี 2529 จวบจนถึงปัจจุบันนี้ “การประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 39” ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “พลังที่ส่งต่อ” เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินส่งผลงานเข้าประกวดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา กระทั่งผ่านการตัดสินจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และได้ผลงานที่ชนะการประกวด จำนวน 24 รางวัล ก่อนมีพิธีมอบรางวัลไปเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ PTT Art Gallery ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ พร้อมกันนี้ยังได้มีการมอบรางวัลจากการประกวดประติมากรรมสื่อผสมจากวัสดุเหลือใช้ ภายใต้หัวข้อ “ชลวิถี นทีพัฒน์” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ อีกจำนวน 3 รางวัล โดยจะเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปร่วมรับชมนิทรรศการผลงานที่ได้รับรางวัล ในระหว่างเดือนกันยายน ถึงตุลาคม 2567 ที่ PTT Art Gallery ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ อีกด้วย

เวทีเพื่อศิลปิน งานศิลป์เพื่อมวลชน

เวทีประกวดศิลปกรรม ปตท. เริ่มต้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2529 ผ่านความมุ่งมั่นของ ปตท. ในการเป็นส่วนหนึ่งเพื่อส่งเสริมให้ศิลปินทุกระดับมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันก็เป็นการสนับสนุนการพัฒนาของวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย ช่วยจุดประกายและส่งต่อพลังให้กับคนรุ่นใหม่ที่รักในงานศิลปะด้วยเช่นกัน ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีหัวข้อการประกวดที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ศิลปินได้ใช้พลังความคิดสร้างสรรค์กันอย่างเต็มที่ ซึ่งนับเป็นจุดเด่นของการประกวดศิลปกรรม ปตท.

ยิ่งไปกว่านั้นการประกวดศิลปกรรม ปตท. ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้สามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ทั้งระดับเยาวชนและระดับประชาชนทั่วไป โดยกลุ่มเยาวชนแบ่งเป็น 3 กลุ่มอายุ ได้แก่ กลุ่มอายุต่ำกว่า 9 ปี กลุ่มอายุระหว่าง 9-13 ปี และกลุ่มอายุระหว่าง 14-18 ปี เจ้าของผลงานที่ได้รับรางวัลจึงมีตั้งแต่เยาวชนตัวน้อย ไปจนถึงระดับอาจารย์เลยทีเดียว

“การประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 39” นี้ จัดการประกวดขึ้นภายใต้หัวข้อ “พลังที่ส่งต่อ” (Powering Life) จากแนวคิดตั้งต้นที่ว่า ในวันที่โลกกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้คนจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของตัวเองอยู่เสมอนั้น ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องส่งต่อพลังที่มีคุณค่าไปถึงคนอื่น ๆ รอบตัว เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วย ทั้งพลังชีวิต พลังความรอบรู้ และพลังรักษ์จากวันวานถึงวันนี้ สู่วันพรุ่งนี้ เพื่อสร้างสรรค์สังคม ร่วมพัฒนา และนำพาประเทศชาติเดินไปข้างหน้าไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ศิลปินร่วมส่งผลงานระหว่างวันที่ 10 - 16 มิถุนายน 2567 ก่อนตัดสินการประกวดโดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และจัดพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการที่ หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ โดยมี ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดในครั้งนี้

คุณค่าจาก “พลังที่ส่งต่อ”

สำหรับ “การประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 39” ประจำปี 2567 มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดทุกประเภทรวมทั้งสิ้น 1,126 ชิ้น จากศิลปิน 1,065 คน ทั้งประเภทจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ รวมถึงประเภทดิจิทัลอาร์ต 2 มิติ ซึ่งถือเป็นปีแรกที่เปิดรับผลงานประเภทนี้ ทั้งนี้รางวัลการประกวดแบ่งเป็น รางวัลยอดเยี่ยม (PTT Art Grand Prize Award) และรางวัลดีเด่น (PTT Art Winner Awards) ซึ่งมีผลงานที่ได้รับรางวัลรวม 24 ผลงาน

ดร.คงกระพัน กล่าวในโอกาสที่เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดในครั้งนี้ว่า ตลอด 39 ปีที่ผ่านมาที่ ปตท. ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร จัดการประกวดศิลปกรรม ปตท. ขึ้น ได้สร้างเวทีแห่งโอกาสให้กับศิลปินรุ่นใหม่มากมาย ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างพื้นที่ให้เยาวชนที่รักในศิลปะ ได้สร้างสรรค์ผลงานและสื่อสารความคิดผ่านงานศิลป์ออกไปยังผู้คนในสังคม ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของ ปตท. ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังและขับเคลื่อนโครงการ เช่นเดียวกันกับที่ในปีนี้ที่ศิลปกรรม ปตท. ได้เห็นพลังจากความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินมากมาย ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เหล่านั้นถูกถ่ายทอดผ่านงานศิลปะและส่งต่อเป็นพลังดี ๆ ต่อไปถึงผู้ชม และผู้คนในสังคมได้อีกเช่นกัน 

นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดการประกวดประติมากรรมสื่อผสมจากวัสดุเหลือใช้ 3 มิติ ภายใต้หัวข้อ “ชลวิถี นทีพัฒน์” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ทรงสืบสาน รักษาและต่อยอด พระราชทานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแก่ราษฎร พัฒนาสายน้ำหลากหลายสายให้กลับคืนมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งมีศิลปินร่วมส่งผลงาน 81 ราย รวมจำนวนผลงานแบบเดี่ยวและกลุ่ม 41 ชิ้น ได้คัดเลือกผู้ชนะจำนวน 3 รางวัล และถือเป็นโอกาสดีที่ได้มาร่วมรับรางวัลในวันดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ผู้สนใจยังสามารถรับชมนิทรรศการผลงานที่ได้รับรางวัล ซึ่งไม่เพียงเพื่อร่วมชื่นชมความสามารถของศิลปินไทยรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเพื่อรับพลังที่ดีจากงานศิลป์ที่ทรงคุณค่าต่อใจด้วยเช่นกัน ได้ที่หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ ระหว่างเดือนกันยายน ถึงตุลาคม 2567 นี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Facebook : หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา