ยุคจั้นกว๋อ (พ.ศ.67–321) เจ็ดแคว้นใหญ่ต่างก็ทำสงครามเล่นเชิงการเมืองช่วงชิงอำนาจกัน เมื่อเถียนอิงบิดา ซึ่งเป็น อัครมหาเสนาบดีแคว้นฉีตาย บุตรชายชื่อ เมิ่งส่างจุน ยังมีฐานะเป็นเจ้าเมืองเซีย

เขาประกาศรับสมัครคนดีมีความสามารถ ไม่จำกัดจำนวน 

และเลี้ยงดูลดหลั่นตามความสามารถเป็นสามขั้น 

ขั้นหนึ่งให้อาหารและผัก ขั้นสองให้อาหารและผักปลา ขั้นสามอาหารหรูรสโอชา แถมมีรถม้าให้ขี่

(แลหลังแดนมังกร ชุดประวัติศาสตร์จีน ถาวร สิกขโกศล แปล สำนักพิมพ์นานมี พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2542)

กล่าวกันว่า เมิ่งส่างจุนเป็นคนใจกว้างรับคนไม่เลือกหน้าในบริวารจำนวนสามพัน คนหนึ่งมีความสามารถในทางเป็นหัวขโมย และความสามารถเสริม เลียนเสียงหมาเห่า เลียนเสียงไก่ขัน เขาก็รับเอาไว้

ปีที่ 25 แผ่นดินฉีหมินอ๋อง ฉินจาวอ๋อง แห่งแคว้นฉิน ส่งน้องชายเป็นตัวประกันที่แคว้นฉี และจงใจเชิญเมิ่งส่างจุนที่ได้ยินชื่อเสียงมานาน ไปเป็นตัวประกันในแคว้นฉิน

ฉินจาวอ๋องเลื่อมใสเมิ่งส่างจุน คิดจะแต่งตั้งให้เป็นอัครมหาเสนาบดี แต่ขุนนางแคว้นฉินทัก คนเก่งจากแคว้นฉีใจก็คงคิดแต่ผลประโยชน์แคว้นฉี ฉินจาวอ๋องก็ชะงัก แต่เมื่อจะส่งเมิ่งส่างจุนกับ ขุนนางอีกพวกก็ค้าน เขาอยู่นานจนรู้ตื้นลึกหนาบางแคว้นฉินดี

หากปล่อยกลับแคว้นฉีจะไม่เป็นคุณแก่แคว้นฉิน ฉินจาวอ๋องจึงสั่งกักตัวเมิ่งส่างจุนไว้

ในบรรยากาศคับขัน เมิ่งส่างจุนคิดวิธีเอาตัวรอด ส่งคนไปหาหม่อมคนโปรดอ๋องแคว้นฉิน หม่อมอยากได้เสื้อคลุมจิ้งจอกเงิน แต่เสื้อคลุมจิ้งจอกเงิน ของล้ำค่าหายากเมิ่งส่างจุนมีตัวเดียว และมอบให้ฉินจาวอ๋องไปแล้ว

ปัญหานี้ บริวารหัวขโมยอาสา กลางดึกเขาย่องเข้าห้องแต่งตัวฉินจาวอ๋อง ขณะกำลังค้นหาเสื้อคลุม คนเฝ้าก็ตื่น หัวขโมยก็ทำเสียงหมาเห่า คนเฝ้าสิ้นสงสัยหลับต่อ เปิดช่องให้เอาเสื้อคลุมจิ้งจอกเงินออกมาได้

...

หม่อมคนโปรดดีใจมาก นางใช้คำหวานฉอเลาะฉินจาวอ๋อง คำสั่งปล่อยเมิ่งส่างจุนกลับแคว้นฉีก็มีออกมา

นาทีทองมาแล้ว เมิ่งส่างจุนระแวงฉินจาวอ๋องจะเปลี่ยนใจ ไม่รอช้า รีบออกเดินทางในคืนนั้นทันที

แค่ค่อนคืน เมิ่งส่างจุนก็ถึงประตูอิวกู่กวนด่านสุดท้าย ตามระเบียบนายด่านจะเปิดด่าน ต้องรอเวลาฟ้าสาง งานนี้ก็ต้องใช้บริวารคนเดิม เขาทำเสียงไก่ขัน ธรรมชาติของไก่จะขันขานรับกันต่อเป็นทอดๆ

นายด่านเห็นว่าฟ้าคงสางแล้ว ตรวจดูหนังสือผ่านด่านถูกต้อง ก็เปิดประตูให้เมิ่งส่างจุนออก

เรื่องเป็นไปตามที่เมิ่งส่างจุนคาด...ฉินจาวอ๋องเปลี่ยนใจ ส่งทหารออกตามจับเมิ่งส่างจุนจริงๆ

แต่เมื่อทหารมาถึงด่าน คณะของเมิ่งส่างจุนก็เดินทางหนีไป

ได้ไกล จนเกินกว่าที่ทหารแคว้นฉินจะตามทัน

เมิ่งส่างจุนรอดกลับแคว้นฉีได้ เสียงเย้ยหยันนินทา เขาเลี้ยงคนไม่เลือกหน้าก็เปลี่ยนไป

ความรู้ความสามารถทางไหน ก็ย่อมใช้ประโยชน์ได้สักวันหนึ่ง เมื่อเวลามาถึง

แลหลังแดนมังกร เรื่องนี้ไม่ได้เล่าแต่แรก หัวขโมยนักเลียน

เสียงหมาเสียงไก่จะถูกเลี้ยงดูขั้นไหน

และบำเหน็จรางวัล รวมทั้งอาหารหลังช่วยนายให้รอดภัยการเมืองจากต่างแคว้นได้ จะเป็นเช่นใด

แต่มีเรื่องเล่าต่อ เรื่องการเลี้ยงเฝิงฮวน คนไม่เอาไหน ที่กลายเป็นที่ปรึกษาคนเดียว ที่ช่วยเขาได้ในยามคับขันทางการเมือง ชี้ว่าเมิ่งส่างจุน เป็นนายที่หัวใจใหญ่ระดับป๋าบางบ้านเมืองที่ใจถึงพึ่งได้จริงๆ

นี่คือตำนาน การเลี้ยงบริวารที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน เมื่อกว่าสองพันกว่าปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นจงอย่าแปลกใจ ที่พรรคการเมืองสมัยใหม่จะเลียนแบบเอาอย่าง

เท่าที่ฟังๆมาหนาหู บางบ้านเมืองตอนนี้ ฤทธิ์เดชของนักร้อง

ที่ป๋าๆเลี้ยงไว้จะรุนแรงถึงขั้นไม่แค่ยุบพรรคใหญ่พรรคเดียว แต่อาจจะยุบได้ทุกพรรคที่ถูกเรียกเข้าร่วมรัฐบาล

ฟังทางทีวี แอ่น...แอ๊น...ผู้สันทัดกรณีเดากันแทบไม่ถูกเหมือนกันว่าถ้างั้น! ใครจะมา

ผมนึกถึงเมืองพม่า ผมภาวนาข้อเดิมข้อเดียว หวังว่าทหารจะไม่มา.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม