คาดวันศุกร์ที่ 20 ก.ย.นี้ ได้ข้อสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีสอบพนักงานราชการตำแหน่งครูของ สพม.สระแก้ว เกิดปัญหารายชื่อล่องหน รมช.ศึกษาธิการ ย้ำต้องเยียวยา “ครูเบญ” และต้องมีผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ด้านเลขาธิการ กพฐ.แจงย้าย ผอ.สพม.สระแก้ว เข้ากรุ จะได้ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน เปิดทางคณะกรรมการสอบสวนฯทำงานได้อย่างเต็มที่

จากกรณี น.ส.เบญญาภา เย็นอุดม หรือ “ครูเบญ” ผู้เข้าสอบพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอน สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว ซึ่งการประกาศรายชื่อในรอบแรก น.ส.เบญญาภา สอบได้ลำดับที่ 1 แต่ยังไม่ทันไปรายงานตัว สพม.สระแก้วประกาศรายชื่อรอบสอง ปรากฏว่ารายชื่อของ น.ส.เบญญาภากลับหายไป โดยทาง สพม.สระแก้วอ้างว่าการประกาศผลในรอบที่สอง ไม่มีรายชื่อของครูเบญเนื่องจากการประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านในรอบแรกเกิดข้อผิดพลาด ทำให้ น.ส.เบญญาภาโพสต์ขอความเป็นธรรมผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว จนที่เป็นสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กำชับให้คณะกรรมการสอบสวนฯเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน รวมถึงว่าที่ร้อยตรีธนุ ได้ลงนามในคำสั่งที่ 2287/2567 ลงวันที่ 16 ก.ย.2567 ให้นายประยงค์ สารภูมิ ผอ.สพม.สระแก้ว ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่สำนักบริหารการมัธยมศึกษา สพฐ.ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เพื่อความเหมาะสม และเป็นประโยชน์กับทางราชการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ก.ย.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้นิติกรของ สพฐ.ได้นำชุดข้อสอบที่ใช้สอบพนักงานราชการของ สพม.สระแก้วขึ้นมาตรวจสอบที่ส่วนกลางแล้ว โดยจะดำเนินการตรวจข้อสอบใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายตามผลคะแนนที่แท้จริง ดังนั้น หากการตรวจข้อสอบใหม่ พบว่ามีการช่วยเหลือด้วยการให้คะแนนที่ไม่โปร่งใส ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษ มีความผิดฐานทุจริต แต่หากผลการตรวจคะแนนข้อสอบออกมาแล้วพบว่า ครูเบญญาภา ทำคะแนนสอบไม่ได้จริง ก็ต้องมีการเยียวยาจากความประมาทเลินเล่อในการประกาศผลคะแนนของ สพม.สระแก้ว

...

“เรื่องที่เกิดขึ้นเราต้องมองอย่างรอบด้านด้วยความถูกต้อง การเยียวยาให้ครูเบญญาภาได้เป็นพนักงานราชการด้วยคะแนนสอบที่ทำได้ไม่ถึง และไปให้คะแนนสอบของครูเบญญาภาถูกต้อง คงทำไม่ได้ ซึ่งการกระทำเช่นนั้นจะเป็นการทุจริตเองมากกว่า ดังนั้น ขอให้รอการตรวจสอบผลคะแนนการสอบใหม่ก่อน วันที่ 20 ก.ย.นี้จะสรุปความชัด เจนทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนประเด็นที่ครูเบญญาภาลาออกจากงานที่เดิม เพราะการประกาศรายชื่อผิดพลาดของ สพม. สระแก้ว ส่งผลให้ระหว่างนี้ครูเบญญาภายังไม่มีงานทำนั้น เท่าที่รับทราบข้อมูล ที่ทำงานเก่าของครูเบญญาภาพร้อมที่จะรับกลับไปทำงานในที่เดิม ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าผู้ที่ถูกประกาศรายชื่อติดลำดับแรกในรอบสองนั้นเป็นคนนามสกุลดังมีอิทธิพล คงต้องถามกลับว่านามสกุลดังกล่าวแล้วยังไงต่อ ผมไม่กลัวอยู่แล้ว” รมช.ศึกษาธิการกล่าว

นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาฯ กพฐ.เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก เลขาฯ กพฐ.ในการติดตามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เรื่องที่เกิดขึ้นกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนคุณครูที่ได้รับผลกระทบนั้น มีมาตรการในการเยียวยาแน่นอน เพียงแต่ขอดูรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน หากผลการสืบข้อเท็จจริงออกมาว่ามีการกระทำผิดโดยเจตนาจริง โทษสูงสุดคือไล่ออกจากราชการ แต่ต้องรอผลสอบของทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย ผลน่าจะออกมาในทิศทางเดียวกัน เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว หลายครั้งที่ผลการสอบของ ป.ป.ช.ออกมาก่อน สพฐ.ก็จะยึดตามผลการสอบของ ป.ป.ช.

ส่วนความเคลื่อนไหวที่ จ.สระแก้ว วันเดียวกัน นางพันทิพา สวาสุ รอง ผอ.สพม.สระแก้ว รักษาราชการแทน ผอ.สพม.สระแก้ว ได้ออกประกาศ ลงวันที่ 16 กันยายน 2567 ให้เลื่อนกำหนดการรายงานตัวของผู้สอบผ่าน การสรรหาและเลือกสรรให้เป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน ทั้ง 5 วิชาเอก ตามกำหนดเดิมคือวันที่ 19 กันยายน 2567 ออกไปก่อน เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบสวน ที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแต่งตั้ง ให้ทำหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงอยู่ จนกว่าการสืบสวนจะเสร็จสิ้น ทำให้บรรยากาศ ที่ สพม.สระแก้วค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงข้าราชการและเจ้าหน้าที่มาทำงานตามปกติ ต่างพากันนิ่งเงียบและไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ หรือให้ความเห็นใดๆ กับผู้สื่อข่าว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่