ในหนังสือ สวนทางนิพพาน (สำนักพิมพ์ มติชน พ.ศ.2557) อาจารย์ เสฐียรพงษ์ วรรณปก เขียนเรื่อง คนตัดฟืนปริญญา กับลาฉลาด ในนิทานอีสป...เอาไว้ ใครที่ไม่เคยอ่าน...ควรจะได้อ่านสักครั้ง

อาจารย์เสฐียรพงษ์ เริ่มต้นว่า...สัตว์บางชนิด เช่น ลา หรือควาย ในวัฒนธรรมของคนไทยมักจะถูกตราหน้าว่าโง่ จนมีนิทานหลายเรื่องเล่าประจานความโง่

ความจริงไม่ว่าคนหรือสัตว์ชนิดไหน ถ้าคิดไม่เป็นก็โง่เหมือนกัน

เมื่อลูกชายอาจารย์ยังเล็ก อาจารย์ชอบเล่านิทานเรื่องลาโง่ ถูกหลอกให้กินน้ำค้างจนหิวตาย กับเรื่องเทวดากับคนตัดฟืน ทั้งสองเวอร์ชันให้ฟังแทบทุกวันก่อนนอน

แต่ระยะหลังๆ ลูกชายอาจารย์ รบเร้าจะฟังแต่เวอร์ชันใหม่ เธอบอกว่า ลาสมัยใหม่ฉลาดดี คนตัดฟืนก็เก่ง

นิทานเรื่องลาฉลาด เริ่มต้นว่า

ยังมีลาฉลาดตัวหนึ่งกินหญ้าอยู่ตามชายป่า ได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องไพเราะจับใจ จึงเข้าไปถาม เจ้ากินอะไรจึงเสียงไพเราะอย่างนี้

จิ้งหรีดบอกว่า ข้ากินแต่น้ำค้างเสียงจึงไพเราะ ได้ยินดังนั้น ลาก็กระทืบจิ้งหรีดแบนแต๊ดแต๋พลางคำรามว่า

“นี่ แน่ๆ มึงจะมาหลอกกู เหมือนในนิทานอีสปหรือ?”

นิทานเรื่องคนตัดฟืนฉลาด...ชายคนหนึ่งทำขวานเหล็กตกลงน้ำ ยืนร้องไห้อยู่

เทพารักษ์สงสาร จึงอาสาลงงมให้ โดยถอดเสื้อผ้าและเครื่องถนิมพิมพาภรณ์กองไว้ที่ตลิ่ง ดำลงไปแล้วโผล่ขึ้นมาชูขวานเงินขึ้น

“นี่ขวานของท่านหรือเปล่า?” คนตัดฟืนบอกว่า “ไม่ใช่ ขวานของข้าเป็นขวานเหล็ก”

เทพารักษ์ก็วางขวานเงินไว้บนฝั่ง แล้วมุดลงไปอีก โผล่ขึ้นมาพร้อมขวานทอง “นี่ของท่านหรือเปล่า?”

เทพารักษ์วางขวานทองไว้บนตลิ่ง มุดลงไปใหม่โผล่ขึ้นมาพร้อมขวานเหล็ก

“นี่ เป็นขวานของท่านหรือเปล่า?”

...

เงียบสนิท ไม่มีเสียงขานรับ เทพารักษ์เหลียวมองไปรอบๆ

ไม่มีร่างคนตัดฟืนเลย แถมเสื้อผ้าพร้อมเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ และขวานเงิน ขวานทอง ก็หายไปด้วย

อาจารย์เสฐียรพงษ์ จบนิทานเวอร์ชันใหม่ เรื่องที่ลูกชายชอบฟัง ไว้แค่นี้ แล้วท่านก็มีคำสอนต่อ ไม่ว่าสัตว์ไม่ว่าคน แม้กระทั่งเทพย่อมมีทั้งโง่ทั้งฉลาด มีทั้งดีหรือเลว แม้เทวดาที่เป็นมารก็เลวได้

ถ้าคิดให้เป็นก็จะรู้ว่า ลาฉลาดก็มี คนมีการศึกษาต่ำฉลาดก็มี

แม้คนโง่ถ้าฝึกฝนวิธีคิดให้เป็นก็เป็นคนฉลาดได้ ถ้าคิดไม่เป็น แก้ปัญหาไม่เป็นก็เอาตัวไม่รอดแน่

อาจารย์เสฐียรพงษ์ ยกคำสอนพระพุทธเจ้า สรุปคำสอนเรื่องลาฉลาด และคนตัดฟืนปริญญาว่า

คนโง่รู้ตัวว่าโง่พอมีทางฉลาดได้ แต่ถ้าโง่แล้วอวดฉลาด นั่นแหละ!โง่แท้โง่ดักดานทีเดียว

ผมอ่านคำสอนของอาจารย์เสฐียรพงษ์จนเพลิน เผลอลืมทักไปเทวดาในนิทาน ไม่ว่าเรื่องไหนๆไม่เคยถูกคนหลอกได้นี่นา!

ยิ่งหลอกกันถึงขนาดให้แก้ผ้า ดำน้ำลงไปงมขวาน แล้วเพิ่งมารู้ว่าถูกหลอกเอาขวานเงินขวานทอง กระทั่งเครื่องแต่งตัวเทวดา เหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเหาะกลับวิมาน เรื่องก็ประเจิดประเจ้อเกินจินตนาการเกินไป

แต่ถ้าย้อนไปคิดว่า อาจารย์ท่านเล่าเรื่อง ในกรอบของนิทาน เมื่อสัตว์กับสัตว์พูดกันได้ สัตว์กับคนพูดจากันรู้เรื่อง จะเล่าเรื่องเทวดาถูกคนหลอกจนเหลือกางเกงในตัวเดียว เพื่อให้แง่คิดบางข้อก็ไม่ผิดกฎกติกา

หากเป็นโลกของความจริง และยอมให้เทวดามีจริง เทวดาฤทธิ์มากท่านก็เอาคืน สาปทีเดียวคนก็หล่นจากเก้าอี้ได้ ไม่ต้องออกแรงให้ทหารขี่รถถังออกนอกถนนให้หนวกหูชาวบ้านแต่ประการใด.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม