เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม เปิดใจปมดราม่ายืมเงิน ยืนยันไม่ได้พูดเรื่องนำโบสถ์ค้ำประกัน แต่เป็นเรื่องเข้าใจผิด พร้อมแจงเงิน 9.2 ล้านบาท นำไปใช้ในกิจกรรมจิปาถะของวัด

วันที่ 5 กันยายน 2567 มีรายงานว่า จากกรณีผู้เสียหายอ้างว่าถูกเจ้าอาวาสวัดดัง ย่านลำลูกกาคลอง 13 ยืมเงินไปเกือบ 10 ล้านบาทและบอกให้ผู้เสียหายไปยึดโบสถ์ยึดศาลา พร้อมกับไปร้องเพจสายไหมต้องรอด ต่อมาทางเจ้าอาวาสวัดได้ชี้แจงว่า เงินนำมาทำบุญ ผู้ร้องเป็นคนนำเงินมาทำบุญอันเป็นกุศลเอง แต่ถ้ามีหนังสือกู้ยืมเงินก็สามารถดำเนินการไปตามกฎหมายได้

ล่าสุด เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม ยืนยันว่าไม่เคยพูดเรื่องการนำโบสถ์ไปค้ำประกันเงินกู้ เพราะรู้ว่าโบสถ์เป็นทรัพย์ส่วนกลาง และการพูดแบบนั้นเป็นการดูหมิ่น ไม่เคารพศูนย์กลางของศาสนา เป็นเรื่องที่เขาเข้าใจผิดไปเอง ในส่วนของโบสถ์ปกติแล้วจะเปิดตลอด แต่อาจจะปิดในเวลากลางคืน พร้อมกับชี้แจงเรื่องการให้กุญแจว่า ไม่ใช่กุญแจของโบสถ์ เพราะโบสถ์ไม่มีกุญแจล็อก แต่เป็นกุญแจเข้ากุฎิ เวลาเขาอยากได้อะไรก็มาเอาไป เป็นการใช้หนี้ที่เขาอ้างว่าเราเป็นหนี้ เราไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายจึงให้ไป

ส่วนเรื่องเงินที่เขาอ้างว่าเป็นหนี้ 9.2 แสนบาท เขาไม่เคยเอาเอกสารมาให้ดู ที่ผ่านมาเขาจะโอนมาครั้งละ 2-3 หมื่น เป็นการโอนมาช่วยวัด สำหรับเงินที่ได้มาก็เอาไปใช้กับกิจกรรมงานจิปาถะในวัด ซึ่งวัดก็มีเนื้อที่ใหญ่ต้องใช้เงินเยอะ ก็แค่นั้น ส่วนเรื่องที่มีการเอานำเงินไปจ่ายค่าช่าง 2.3 แสนบาท ได้คืนเขาไปแล้ว

เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม กล่าวอีกว่า ตอนนี้อาตมารู้สึกเฉย ๆ บวชมานานแล้ว เป็นเรื่องกระแสโลก ถ้าเราเอาใจไปกระทบมากก็ทุกข์มาก เรื่องนี้คงไม่ถึงขั้นสึก แต่อาจจะถูกปลด ส่วนเรื่องศรัทธาของญาติโยมจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูต่อไป การดำเนินการหลังจากนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอน อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คงจะต้องปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมาย และการที่เซ็นรับสภาพหนี้ เพราะโดนบังคับทางใจ

...

อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า การแถลงข่าวที่มีกำหนดการจะแถลงในวันนี้ ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน เนื่องจากการสอบสวนยังไม่ครบทุกประเด็น ยังต้องมีการพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายเพิ่มเติม ประกอบกับกระบวนการสอบสวนมี 3 ขั้นตอน คือทางเจ้าคณะตำบลจะต้องสอบสวนก่อน จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังเจ้าคณะอำเภอ แล้วส่งไปยังเจ้าคณะจังหวัดเพื่อตัดสินว่ามีเรื่องที่ผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.