คดีส่วยด่านชั่งน้ำหนักรถบรรทุกคืบ หลังเค้นสอบ 2 นายช่าง 1 หน้าเสื่อ เรียกรับส่วยรายเดือนเงินหมุนเวียน 200 ล้านบาท ยอมเปิดปากรับสารภาพแต่โดยดี แถมให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อการขยายผล อนุญาตให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เงินสดคนละ 3 แสนบาท หลังได้ข้อมูลจากการซัดทอด พบบัญชีม้าอีก 2-3 ตัว พบตัวละครรับส่วยเพิ่มอีก 3-4 คน มีด่านต้องสงสัยอีกถึง 7 แห่งเปิดบัญชีม้ารับส่วยของตัวเอง
กรณีกำลังตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ป.ป.ช. และ ปปง.รวม 4 หน่วยงาน เปิดปฏิบัติการ “ล้างบาง Spot check” กวาดล้างส่วยรถบรรทุก ตรวจค้น 11 จุดใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ จ.ชัยภูมิ จ.เพชรบูรณ์ จ.นครปฐม จ.ชลบุรี จ.พระนคร ศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร จับกุมนายนพดล แสนงาย อายุ 57 ปี นายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check 2 นายอเนก คำโฉม อายุ 59 ปี นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้า นครราชสีมา และนายธงชัย หรือบอย เต็มฟอม อายุ 38 ปี ทำหน้าที่หน้าเสื่อคนเจรจาเรียกรับส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เงินหมุนเวียนประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนนายประทิน โพธิ์ชัยรัตน์ อายุ 39 ปี เจ้าของบัญชีม้า อยู่ระหว่างพิจารณากันไว้เป็นพยานตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้าจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก. ปปป.) อาคารกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ก.ย. พ.ต.อ.ธณัชชนน์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปปป.เผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.จับกุมนายนพดล แสนงาย อายุ 57 ปี นายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check นายอเนก คำโฉม อายุ 59 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้า นครราชสีมา และนายธงชัย หรือบอย เต็มฟอม อายุ 38 ปี พลเรือนทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อเจรจาเรียกเก็บส่วยได้เมื่อวานนี้
...
“จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพ รวมทั้งให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี หลังสอบปากคำเสร็จสิ้นเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปปป.พิจารณาอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยื่นขอประกันปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์เงินสดคนละ 3 แสนบาท หลังจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป.สั่งการให้ขยายผลหาผู้กระทำผิดต่อไป” พ.ต.อ.ธณัชชนน์กล่าว
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และ พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บก.ปปป. หลังจากเมื่อวันที่ 3 ก.ย. นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกหลายแห่ง ประกอบด้วย ด่านชั่งน้ำหนักบางปะกง ราชพฤกษ์ บางปะอิน วังน้อย และนครปฐม รวมทั้งที่ศูนย์บัญชาการเครือข่ายสถานีตรวจสอบน้ำหนักยานพาหนะ สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ กรมทางหลวง (สคน.) เพื่อสรุปความคืบหน้าหลังได้รับเรื่องร้องเรียนการทุจริตเรียกรับส่วยรถบรรทุกเป็นรายเดือน โดยนำผลการตรวจค้นรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลมาประมวลเพื่อขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดทั้งหมด
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวว่า จากการสอบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่พบบัญชีม้าแล้ว 2-3 ตัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ถูกให้การซัดทอด หลังจากนี้จะสั่งการให้ตรวจสอบทั้งหมดว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าพบข้อมูลการกระทำผิดจริง หลักฐานไปถึงใครต้องถูกดำเนินคดีไม่มีละเว้นแน่นอน
มีรายงานข่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของนายนพดล แสนงาย พบว่า ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าที่ทำงานสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออกเลย มีแต่ลูกจ้างชั่วคราวที่ทำงานอยู่ แต่ไปพักที่ห้องในด่านชั่งน้ำหนักวังน้อยเป็นส่วนใหญ่ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน รายรับที่ได้จากการโอนเงินจากบัญชีม้าพบว่า มีรายรับเข้ามาตั้งแต่หลัก 3-7 แสนบาทต่อเดือน ไม่รวมเงินสดที่ยังไม่สามารถระบุตัวเลขแน่นอนได้ ส่วนนายเอนก คำโฉม หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้า นครราชสีมา พบมีเงินโอนเข้ามาจากบัญชีม้าเพียงเดือนละ 1-2 หมื่นบาทเท่านั้น ชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่เงินเข้าบัญชีน้อย อาจจะเป็นเพราะเป็นแค่ลูกน้องในชุดเฉพาะกิจของนายนพดลเท่านั้น
มีรายงานข่าวอีกว่า ส่วนการขยายผลหาผู้อยู่ในขบวนการเรียกรับส่วยรถบรรทุกเพิ่มเติมพบว่า มีกลุ่มเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงกระทำผิดลักษณะนี้อีกหลายด่าน เท่าที่พบข้อมูลขณะนี้มีอยู่ประมาณ 7 ชุด แต่ละชุดจะหาบัญชีม้าไว้ใช้เอง ทำให้สามารถระบุรายชื่อเจ้าหน้าที่ด่านชั่งน้ำหนักรถบรรทุกที่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเรียกรับส่วยอีกประมาณ 3-4 ราย ขณะนี้ชุดพนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับต่อไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่