วันนี้ (19 ส.ค. 67) เวลา 13.30 น. ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อาคาร 15 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยฝ่ายบริหาร เข้ารับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ "สำเภา-นาวาทอง" ประจำปี 2567 ประเภทหน่วยงานระดับกระทรวง โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายสุรงค์ บูลกุล รองประธานกรรมการและประธานคณะทำงานจัดงานมอบรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" ประจำปี 2567 เป็นผู้มอบรางวัล โอกาสนี้ นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดระยอง นางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสงขลา นายสาครินทร์ จำปา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเข้ารับรางวัล ซึ่งมีคณะกรรมการหอการค้าไทย คณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ภาคธุรกิจ ภาคสื่อสารมวลชน และนักศึกษา ร่วมในงานเป็นจำนวนมาก
นายสุทธิพงษ์ เผยว่า การมอบรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ นอกจากกระทรวงมหาดไทยได้รับรางวัลประเภทหน่วยงานระดับกระทรวงแล้ว ยังมีส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รับรางวัลประเภทหน่วยงานระดับกรม 2 หน่วยงาน คือ กรมที่ดิน และกรมการปกครอง หน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยรับรางวัลประเภทหน่วยงานระดับภูมิภาค 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานจังหวัดสงขลา สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักงานจังหวัดระยอง และหน่วยบริการของรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยรับรางวัลประเภทหน่วยงานระดับภูมิภาค คือ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาอุดรธานี
"ขอขอบคุณหอการค้าไทย ภายใต้การนำของ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งท่านเปรียบเสมือนเป็นหุ้นส่วนภาคีเครือข่าย (Partnership) ที่สำคัญของกระทรวงมหาดไทย เป็นแรงบันดาลใจและสร้างแรงกระตุ้นปลุกเร้าทำให้เรามีส่วนร่วมในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ยกระดับประสิทธิภาพในการบริการประชาชน สู่การ "Change for Good" เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน ซึ่งในครั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้รับรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" ประจำปี 2567 ในฐานะ “สุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย” เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือของภาคีเครือข่าย ในการร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อตอบสนองอย่างสะดวก รวดเร็ว และทันสมัย สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน" นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นในการพัฒนางานของส่วนภูมิภาคควบคู่การพัฒนาเมืองให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน การบูรณาการการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน การลดอุปสรรคการทำธุรกิจของภาคเอกชน การพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์กร การสร้างความโปร่งใสในการบริหารงาน และเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในพื้นที่ ทั้งนี้เราพร้อมเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อพัฒนาและยกระดับทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล ทันสมัย ยกระดับการดำเนินงานและการอำนวยความสะดวกของพี่น้องประชาชนในการติดต่อราชการ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบภาครัฐดิจิทัลในอนาคต โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สอดคล้องดังพันธกิจการทำงาน คือ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เพื่อให้ "ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข" ดังพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงปรารถนาให้คนไทยทุกคนมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ด้าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวแสดงความยินดีแก่หน่วยงานที่ได้รับรางวัล พร้อมกล่าวปฐกถาพิเศษ เรื่อง "ประสิทธิภาพหน่วยงานภาครัฐ กับการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน โดยมีใจความสำคัญว่า เราทุกคนอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง "Disruption" ทุกหน่วยงานจึงต้องรู้จักปรับตัวเพื่อให้รู้เท่าทันและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสอนเตือนคนไทยอยู่เสมอให้พวกเรารู้เท่าทัน "โลกาภิวัฒน์" ให้พวกเราระวังกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากทั้งภายในและภายนอก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม เป็นที่มาที่พระองค์ได้พระราชทานแนวทางตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้พสกนิกรไทยได้น้อมนำมาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อให้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรากฐานที่แข็งแรง ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การแข่งขัน เพราะเราหลีกเลี่ยงการแข่งขันของสังคมไม่ได้ เช่นเดียวกับข้าราชการ องค์กรภาครัฐ หากเราไม่ปรับตัวก็จะโดน "Disruption" ได้ เราจึงต้องทำงานตามหลัก "Service mind" ซึ่งตลอด 70 ปี ที่เสด็จพระราชดำเนินไปถิ่นทุรกันดาร สิ่งที่เราเห็นคือพระองค์ท่าน "เดินเข้าหาประชาชน" รวมถึงหลักราชการรูปแบบบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ "One Stop Service" ดังนั้นจึงเป็นตัวอย่างที่เราทุกคนต้องเดินไปด้วยกัน ภาครัฐกับประชาชนต่างฝ่ายต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายของประเทศชาติ ซึ่งในด้านการทำธุรกิจ ภาครัฐก็ต้องปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นในฐานะโค้ชชิ่ง แนะนำ บริการ ส่งสริมให้ภาคธุรกิจไปด้วยกัน "Services" จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้น ทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัลในวันนี้ จึงเป็นตัวอย่างของหน่วยงานต้นแบบที่มี "Service mind" ที่จะช่วยกันสนองพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปด้วยกันอย่างยืน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดีและชื่นชมหน่วยงานที่ได้รับรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" ประจำปี พ.ศ.2567 โดยแบ่งเป็น 1) หน่วยงานระดับกระทรวง 5 หน่วยงาน 2) หน่วยงานระดับกรม 14 หน่วยงาน และ 3) รางวัลระดับกระบวนงาน 6 หน่วยงาน และ 4) รางวัลหน่วยงานระดับภูมิภาค 14 หน่วยงาน รวม 39 หน่วยงาน โดยการมอบรางวัลครั้งนี้ หอการค้าได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อเชิดชูเกียรติและยกย่องให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งปัจจุบันได้รับความร่วมมืออย่างดี จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันลดขั้นตอนการขอใบอนุญาตได้กว่า 192 ขั้นตอน ทั้งการทำงานร่วมกันของภาครัฐหรือภาคเอกชน ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 7 พันล้านบาทต่อปี นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ที่ทุกท่านที่เราทำให้ดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขัน ประจำปี 2567 (IMD–WCC) ประเทศไทยมีอันดับดีขึ้นถึง 5 อันดับ มาอยู่ในอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 67 ประเทศในเขตเศรษฐกิจที่มีการจัดอันดับ สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยของเรา