ยืดเยื้อนานอยู่หลายเดือนกับกระบวนการวินิจฉัยความเกมชี้ชะตา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ที่โดน “พิษคดี” ร่วมกันฟอกเงินบ่อนพนันออนไลน์เครือข่ายใหญ่ ทำให้ศาลอาญาออกหมายจับ

กลายเป็นมลทินให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร.ขณะนั้น ตัดสินใจสะบัดปากกาลงนามคำสั่ง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

เจ้าตัวดิ้นสู้ทุกวิถีทางเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ปฏิเสธข้อกล่าวหาพัวพัน “ธุรกิจสีเทา” ยกเอาเหตุผลถูกกลั่นแกล้ง “รุมกินโต๊ะ” หวังสกัดเส้นทาง “แคนดิเดตผู้นำ” เปิดศึกชนแหลกกลุ่มที่ทำเสียชื่อเสียง

ต่อมาที่ประชุม ก.ตร.พิจารณาคำร้องก่อนมีมติโหวตด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 12-0 ระบุคำสั่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. “ชอบด้วยกฎหมาย” เช่นเดียวกับผลวินิจฉัยคดีของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ยืนยันตรงกันเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

เปิดประตูทางออกเดียวของ “นายพลคนดัง” ต้องไปลุ้น “ต่อลมหายใจ” ในชีวิตราชการจากศาลปกครองสูงสุด

กระนั้นก็ตาม นายเศรษฐา ทวีสิน สะสางการบ้านทิ้งท้ายก่อนพ้นเก้าอี้ด้วยการนำชื่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ขึ้นทูลเกล้าฯเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนความ

ทำให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.เนื่องจากถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ปิดม่านทางเดินกลับชายคาสำนักปทุมวันเรียบร้อย.

สหบาท

คลิกอ่านคอลัมน์ "ส่องตำรวจ" เพิ่มเติม

...