ราชกิจจานุเบกษาประกาศคำสั่งปลด “บิ๊กโจ๊ก-สุรเชชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร.แล้วให้พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.67 ขณะที่ “สราวุฒิ การพานิช” รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวนวินัย “บิ๊กโจ๊ก” ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เตรียมเรียกสอบพยานเพิ่มอีก 5 ปาก คาดสรุปผลได้ภายในสิ้นเดือน ส.ค.

ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ส.ค. พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสอบสวนกรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำผิดวินัยร้ายแรง มี พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมคณะกรรมการสอบสวนคนอื่นๆเข้าร่วมประชุม

พล.ต.อ.สราวุฒิเปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่าในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเรื่องนี้ ต้องมาร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า คดีนี้เริ่มทำงานมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ยังเหลือระยะเวลาการรวบรวมตรวจสอบพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหา ขณะนี้สอบปากคำพยานต่างๆจากฝ่ายผู้กล่าวหาไปจำนวนมาก ยืนยันเราดำเนินการโดยยึดหลักระเบียบข้อกฎหมายและให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ภารกิจครั้งนี้เปรียบดังกรรมการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญที่มีคนไทยทั้งประเทศจับตาดูอยู่ในฐานะกรรมการ ต้องเป็นกลาง

พล.ต.อ.สราวุฒิกล่าวต่ออีกว่า ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้กล่าวหานั้นเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ฝั่งผู้ถูกกล่าวหาได้ให้การเพิ่มรวมถึงมีการอ้างถึงพยานบุคคลอีก 5-6 คนต้องสอบเพิ่ม เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หลังจากนั้นค่อยมาสรุปผลอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ทิศทางจะเป็นบวกหรือลบยังไม่ทราบ

“ระยะเวลาตรวจสอบมี 270 วัน หากภายในวันที่ 12 ก.ย. ยังไม่แล้วเสร็จก็ยังสามารถขยายเวลาออกไปได้อีก 60 วัน เพราะยังอยู่ในกรอบระยะเวลา 270 วัน ยืนยันที่ผ่านมาผู้ถูกกล่าวหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่ไม่เคยมาเข้าพบนั้นเป็นสิทธิของเจ้าตัว ส่วนผลตรวจสอบของคณะอื่นๆจะออกมาทิศทางไหน ไม่ได้กังวลหรือกดดัน เพราะเป็นคนละหน้าที่กัน ยอมรับได้ทำหนังสือไปสอบถามผลคณะตรวจสอบอื่นๆที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและเพื่อความรอบคอบ ส่วนกระแสข่าวมีการถอดถอนแล้วนั้นไม่ทราบ” พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าว

...

ต่อมาเวลา 15.30 น.หลังเสร็จสิ้นการประชุมพล.ต.อ.สราวุฒิเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขอชื่นชมคณะกรรมการตรวจสอบชุดนี้ที่ยึดระเบียบข้อกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะนี้สอบปากคำพยานทั้งฝั่งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาไปทั้งหมดแล้ว 65 ปาก แสดงให้เห็นว่าดำเนินการด้วยความรอบคอบ ส่วนกรณีที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ยื่นเรื่องขอให้สอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มอีก 5 ปากนั้น ได้ทำหนังสือไปถึงพยานบุคคลดังกล่าวเพื่อมาให้การในวันที่ 21 ส.ค. หลังสอบปากคำเสร็จจะนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ คาดจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ส.ค. ส่วนประเด็นการพิจารณาต้องพิจารณาทุกประเด็น ขอให้สังคมสบายใจ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากฝั่งผู้ถูกกล่าวหายื่นเรื่องขอให้สอบพยานเพิ่มอีกนั้น จะเป็นการประวิงเวลาหรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิตอบว่า เราให้โอกาสทุกฝ่าย หากมีการยื่นเรื่องขอให้สอบพยานเพิ่ม ต้องมาดูว่าคำให้การของพยานบุคคลเหล่านี้จะเกิดประโยชน์สามารถหักล้างข้อเท็จจริงของอีกฝ่ายได้หรือไม่

วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง มีใจความสรุปว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.67 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวนและขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่ง ตาม ม.140 และ ม.178 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบข้อ 11 ของกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพ.ศ.2547 และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว

บัดนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.67 ประกาศวันที่ 15 ส.ค.67 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่