ผมกลับจากกระบี่ถึงบ้านที่บางกะปิ กทม. เรียบร้อยแล้วนะครับ หลังจากไปรับรางวัล “โพธิคยานาคาธิบดี” ในฐานะสื่อมวลชนที่มีบทบาทในการเผยแพร่พระธรรมในพุทธศาสนาและร่วมสัมมนาต่อกับสถาบันโพธิคยาวิชชาลัยอีก 2 วัน
ได้ความสุขอย่างเต็มเปี่ยมกลับมาครบถ้วนทั้ง 2 อย่าง คือ ทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องขอขอบคุณสถาบันโพธิคยาฯไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่ง
ในแง่ร่างกายก็คือได้ออกกำลังได้เดินเที่ยวดูโน่นดูนี่ตามแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งได้สูดอากาศบริสุทธิ์ในจังหวัดที่มีชายทะเลสวยสุดอีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย
ส่วนในแง่จิตใจซึ่งได้กลับมาเต็มเปี่ยมเช่นกันนั้นก็เพราะได้มีโอกาสเข้าร่วมในการสัมมนาธรรม ในหัวข้อ “ธรรมวิชัยสู่ศตวรรษแห่งธรรม” ซึ่งจะเป็นโครงการ “ธรรมยาตรา” เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ และกระชับสัมพันธไมตรีกับมิตรประเทศที่นับถือพุทธศาสนา ทั้งในลุ่มนํ้าโขง และลุ่มนํ้าอื่นๆให้กว้างขวางออกไปอีกโดยจะเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้
ผมเองได้ชื่อว่าเป็น “นักสัมมนา” อาชีพคนหนึ่งสมัยรับราชการรับหน้าที่ในการจัดสัมมนาและเข้าร่วมในการสัมมนาต่างๆทั่วไทย น่าจะเป็นร้อยๆครั้ง ขออนุญาตใช้คำว่า “ร้อยๆ” เพราะน่าจะเกิน 100 แน่นอน จึงใช้คำว่า “ร้อยๆ” เอาไว้ก่อน
แต่ไม่มีสัมมนาครั้งไหน? ทั้งที่ผมจัดเองและไปร่วมกับคนอื่นจะเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ เพราะเริ่มด้วยการ “สวดมนต์” และเมื่อประธานกล่าวปิดสัมมนาแล้วก็จะจบด้วยการ “สวดมนต์” และประพรมนํ้ามนต์ด้วยดังเช่นการสัมมนาของสถาบันนี้
ผมจึงสรุปว่าการไปกระบี่ของผมครั้งนี้กลับมาด้วยความสุขทั้ง “ร่างกาย” และ “จิตใจ” ด้วยประการฉะนี้แล
...
นอกจากจะมีความสุขทั้งกายและใจเป็นการส่วนตัวดังกล่าวแล้ว ผมยังมี “ความสุข” ที่สำคัญอีกประการหนึ่งมาฝากท่านผู้อ่านด้วยนะครับ
เป็นความสุขที่ได้เห็นพี่น้องชาวจังหวัดกระบี่ทำมาค้าขายดีมีรายได้ดีขึ้นนั่นเอง เพราะธุรกิจด้าน “การท่องเที่ยว” ของจังหวัดบูมติดต่อกันมาถึง 7 เดือนเต็มๆ ตั้งแต่ปีใหม่มกราคมเป็นต้นมา จนถึงบัดนี้
ผมเอะใจตั้งแต่เที่ยวเดินทางไปด้วยเครื่องบินแอร์เอเชียแล้วครับ...แน่นเอี้ยดทุกที่นั่ง...และกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่คนไทย
โรงแรม โซฟิเทล กระบี่ โภคีธราฯ สถานที่จัดสัมมนาครั้งนี้ก็เต็มทุกห้อง และมีอยู่บ่ายวันหนึ่งผมมีโอกาสไปเดินที่ ตลาดอ่าวนาง ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวออกแบบก่อสร้างคล้ายๆพัทยา คล้ายๆ สมุย ก็ปรากฏว่านักท่องเที่ยวออกมาเดินหนาตาตั้งแต่ 4 โมงเย็น และจะแน่นมากในช่วงกลางคืน
เพื่อความแน่ใจก่อนเขียนต้นฉบับวันนี้ผมลองเข้าไปดูตารางที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงสถิติไว้ สรุปได้ว่าจากเดือนมกราคมถึงมิถุนายน หรือครึ่งปี 2567 พอดิบพอดีนั้น มีนักท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัดกระบี่ รวมทั้งสิ้น 3.4 ล้านคนเศษ เพิ่มจากระยะเดียวกันของปีกลายถึง 81.40 เปอร์เซ็นต์
เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 1.95 ล้านคนเศษ เพิ่มขึ้น 82.76 เปอร์เซ็นต์ และเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.46 ล้านคนเศษ เพิ่มขึ้น 80.31 เปอร์เซ็นต์
เดือนกรกฎาคมตัวเลขก็ยังกระฉูดจากการบอกเล่าของผู้ประกอบการในท้องถิ่นและต้นสิงหาคม (ผมอยู่ถึง 12 สิงหาคม) ก็ยังแน่นอีกเท่าที่เห็นด้วยสายตาผมเอง
จะไม่ให้ผมรู้สึกยินดีกับพี่น้องชาวกระบี่ได้อย่างไรล่ะครับ
รวมทั้งยินดีกับจังหวัดท่องเที่ยวทั่วประเทศด้วยนะครับ ที่ยอดนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเรา เมื่อสิ้นสุดเดือนกรกฎาคมทะลุ 20 ล้านคนไปแล้ว สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจากการประเมินอย่างคร่าวๆถึง 957,119 ล้านบาท ช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักของประเทศไทยเราเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง
ในประเด็นหลังนี้ผมขอแสดงความยินดีกับท่าน รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ด้วยครับ...พก “นางกวัก” มาด้วยหรือเปล่าครับเนี่ย ตอนมารับตำแหน่งยอดนักท่องเที่ยวถึงได้ขึ้นเอาๆ แม้ในช่วงโลว์ซีซันก็ยังไม่ลดลง.
"ซูม"
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม