น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมผลักดันการขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี เป็นมรดกโลก นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ประเทศชาติ โดยกำชับให้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการรองรับแก่นักท่องเที่ยว ด้านการอนุรักษ์พื้นที่ตามหลักเกณฑ์ของยูเนสโก โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย
น.ส.สุดาวรรณกล่าวว่า นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีมีความพร้อมให้การสนับสนุนการผลักดันการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทย สู่มรดกโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมหลายจังหวัดได้รับการประกาศขึ้นบัญชีเบื้องต้น รอการประกาศขึ้นทะเบียนไว้แล้ว 5 แห่ง ได้แก่ 1.วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช 2.วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม 3.มรดกทางวัฒนธรรมเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา เมืองประวัติศาสตร์ จ.เชียงใหม่ 4.แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมสงขลาและชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา จ.สงขลา และ 5.อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ โดยให้ทุกหน่วยงานร่วมกันผลักดันไปสู่การขึ้นทะเบียน โดยเฉพาะแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นโบราณสถานสำคัญที่มีเอกลักษณ์เชื่อมโยงกับความเป็นสากลเข้ากับหลักเกณฑ์ของยูเนสโกหลายแห่ง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการสร้างชื่อเสียงให้นำไปสู่การเกิดมูลค่าเพิ่มด้านต่างๆ ดึงดูดการท่องเที่ยวสร้างรายได้แก่ประชาชนในท้องถิ่น
“ส่วนกรณีที่มีผู้มองว่าการประกาศขึ้นทะเบียนภูพระบาทเป็นมรดกโลกครั้งนี้ ไม่ค่อยเป็นกระแสได้รับความสนใจเท่าที่ควรนั้น ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะตั้งแต่มีการประกาศข่าวดี ก็ได้มีการนำเสนอข่าวการแสดงความยินดี จากทั้งในส่วนของรัฐบาลและด้านต่างๆ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนช่วยกันประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และขอเชิญชวนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาชมวัฒนธรรมสีมาที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะลงพื้นที่ไปติดตามแผนการบริหารจัดการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวแหล่งมรดกโลกเร็วๆนี้ เบื้องต้นดิฉันได้มอบหมายให้กรมศิลปากร ได้จัดทำแผนการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน” รมว.วัฒนธรรมกล่าว.
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่