กว่าที่จะเกิดเป็นนิสัย (สันดาน) ได้ ...จะเริ่มด้วยการฟอร์มความประพฤติก่อน โดย “สมองส่วนหน้า...Prefrontal Cortex” จะมีสัญญาณต่อกับสมองล้ำลงไปส่วน Striatum ซึ่งต่อกับก้านสมองส่วนกลาง...Midbrain จากวงจรแรกนี้จะปรับตัวเองว่าควรจะมีรูปแบบการประพฤติแบบไหนที่เวิร์กสุด
และ...เมื่อลองประพฤติซ้ำในรูปแบบดังกล่าวบ่อยขึ้น จะเกิดวงจรที่ 2 ระหว่าง Striatum ของวงจรที่ 1 ต่อกับสมอง Sensorimotor...ประสาทการรับรู้และการเคลื่อนไหว และต่อไปจะเริ่มจดบันทึกลงใน Striatum ซึ่งมีสารโดพามีน (Dopamine) จากสมองส่วนกลาง...Midbrain คอยตอกย้ำ
วงจรที่ 3 คราวนี้จะเป็นการถาวร โดยวงจร 2 จะมีสมองอารมณ์พฤติกรรม Infralimbic Cortex เพื่อจารึกนิสัยให้เป็นสันดานติดทนใน Striatum ทั้งนี้โดยสารโดพามีนเป็นตัวส่งเช่นเดิม
เกิดเป็น...“สันดาน” มีพฤติกรรมซ้ำซาก
“คนที่ฆ่าคน โจรกรรม ข่มขืน ซ้ำซาก จะรอให้มีการผลิตยาซึ่งในคนรออีกชาติหน้าในการลบสันดานในวงจรที่ 3...การเกิดสันดานเป็นกระบวนการต่อเนื่องเพาะบ่มผ่านการคัดกรองการกระทำและซ้ำซาก เป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย คนที่โกงคอร์รัปชันเป็นอีกตัวอย่าง...คนที่เป็นผู้บริหารบ้าอำนาจซ้ำซาก นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจชั่ว สามานย์...เหล่านี้คงไม่ต้องรอยาหรือตัดสมองบางส่วน ในพวกนี้...ตัดทั้งหัว น่าจะเป็นทางออกและวิธีที่ดีที่สุดที่ทุกคนยอมรับ”
...
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอดื้อ” ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความรู้เกี่ยวกับสมองสะท้อนพฤติกรรม และขอหยิบยกต่อเนื่องไปถึงกรณี “ฟ้าทะลายโจร ยาประจำบ้าน” ที่ถูกถอดออกจากการรักษาโควิดในคู่มือเวชปฏิบัติ เมื่อเดือนมิถุนายน 2567
และ...ใส่ “ยาฟาวิพิราเวียร์” ซึ่งไวรัสดื้อจนหมดสิ้นแล้ว และไม่อยู่ในตำรับการใช้ก่อนหน้ามานานแล้ว และทำให้ขณะนี้สถานพยาบาลใช้ฟาวิพิราเวียร์แทนจ่ายให้ผู้ป่วย
กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้...มีการยื่นบันทึกร้องถามเหตุผลและข้อมูลของกรรมการโควิด กรมการแพทย์ และ อย. ต่อรัฐมนตรีสาธารณสุข มีความประสงค์ที่จะให้ถอดเทปคำตอบคำ ใคร...?เป็นผู้เสนอข้อมูลให้ถอด หลักฐาน ข้อมูลคืออะไร และการตัดสินของคณะกรรมการขึ้นอยู่กับอะไร
และ...ทำไมฟาวิพิราเวียร์ถึงปรากฏตัวอยู่ในเวชปฏิบัติฉบับล่าสุดนี้
“ฟ้าทะลายโจร” ราคาถูกปลูกได้ในประเทศไทย...“ฟาวิพิราเวียร์” ต้องสั่งวัตถุดิบจากต่างประเทศและให้องค์การเภสัชทำเม็ด เราต้องการความโปร่งใส
“ฟ้าทะลายโจรใช้ได้ในอาการไข้หวัดไม่ว่าจะเล็ก กลาง ใหญ่ ใช้ตั้งแต่เริ่มต้นมีอาการ ใช้สองวันหายก็เลิกกิน...ถ้าดีขึ้นแต่ไม่หายสนิทก็กินต่อให้ครบห้าวัน ตับอักเสบไม่เกิด ยกเว้นมีโรคตับอยู่แล้วเลยไปโทษยา หรือกินยาพาราเยอะเลยตับอักเสบ หรือการติดเชื้อไวรัสนั้นทำให้เกิดตับอักเสบ”
“ฟ้าทะลายโจร” ถูกด้อยค่า ออกจากแนวเวชปฏิบัติรักษาโควิด แต่บรรจุให้ใช้ “ฟาวิพิราเวียร์” แทน ทั้งที่เลิกไปแล้วเพราะไวรัสดื้อต่อฟาวิฯ ตั้งแต่หลังจากที่มีการโหมให้คนติดเชื้อทุกคนมีหรือไม่มีอาการก็ตาม กินตอนปี 2564 ตอกย้ำการรายงานโดยศาสตราจารย์แพทย์ พญ.สยมพร ศิรินาวิน และคณะ ในคนที่ติดเชื้อโควิด
ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีวัคซีน ในช่วงปลายปี 2563 ถึงมีนาคม 2564 พบว่าไม่มีปอดบวมในคนที่ได้รับฟ้าทะลายโจร และปอดบวม 10.7% ในคนที่ไม่ได้ยา และไม่พบการอักเสบจากการดูระดับ CRP ในคนที่ได้รับยา (0% ต่อ 17.9%) ถึงแม้จะมีคนติดเชื้อในการศึกษาไม่มาก แต่เป็นการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
ถัดมา...เป็นการศึกษาโดยคณะเดียวกันใน 7 โรงพยาบาล ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นพบปอดบวมในหนึ่งรายจากทั้งหมด 243 ราย ในกลุ่มที่ได้รับฟ้าทะลายโจร และ 69 รายจากทั้งหมด 285 ราย ในกลุ่มที่ไม่ได้รับ...ไวรัสยังคงเป็น “อู่ฮั่น” ในระลอกสองซึ่งมีการยกตัวระบาดรุนแรง
ในระยะต่อมาเมื่อเริ่มมีการระบาด “สายพันธุ์อัลฟ่า” จากโรงพยาบาลอุดรฯ 344 ราย (เม.ย.-ส.ค.64) หลังผู้ป่วยได้รับยาสารสกัดหยาบฟ้าทะลายโจร มีความรุนแรงของโรคในเรื่องการไอ เจ็บคอ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ถ่ายเหลว หายใจเหนื่อยลดลง การรับรสและการได้กลิ่นดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
หมายเหตุ...การดูปริมาณไวรัสจากการแยงจมูกไม่สามารถบ่งบอกความรุนแรงของโรคได้ และการที่ไวรัสหายไปเร็วจากจมูกนั้นไม่ได้บอกว่ายานั้นดีกว่าหรือไม่ดีกว่า
...
“เราต้องไม่ลืมว่าแม้แต่ยาปัจจุบันราคาแพง...โมลนูพิราเวียร์ ไวรัสหายไประยะแรกแล้วก็กลับโผล่ขึ้นมาใหม่ได้ 10–20% จากการแยงจมูก ปาก สำคัญที่ตัวคนป่วย...การดูที่อาการไม่ว่าจะเป็นอาการในปอดหรืออาการในระบบร่างกายว่าดีขึ้นเร็วหรือไม่ต่างหาก”
ถึงตรงนี้คำถามสำคัญจึงมีว่า...รัฐมนตรีสาธารณสุขถอดฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดและใส่ฟาวิพิราเวียร์ที่ไวรัสดื้อไปหมดจดแล้วทำไม?
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกอีกว่า กรณีต่อมา...“กัญชง กัญชา” มีบทบาทช่วยรักษาโรคทางสมองจริงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ส่วนประกอบที่ไม่ติด ไม่เมา ไม่มีผลทางจิต ที่เรียกว่า “CBN” เป็นตัวที่สามารถยับยั้ง กระบวนการ oxytosis/ferroptosis ในระดับของพลังงานของเซลล์สมองไมโตคอนเรีย
และ...ปรับแต่งหน้าที่การทำงานให้ดีขึ้น
เพื่อวิเคราะห์เส้นทางกลไกการทำงานของ CBN คณะนักวิทยาศาสตร์จาก Salk institute for Biological Studies และ Shirley Bioscience Center USA จึงได้ทำการเฟ้นหาส่วนประกอบที่
อยู่ใน CBN
และทำให้ได้ CBN analogs ใหม่ 4 ตัว
...
ซึ่งทำการพิสูจน์ว่าสามารถปกป้องเซลล์ประสาท และมีคุณสมบัติผ่านทางไมโตคอนเรียเหมือนกับ CBN แต่เก่งกว่า ทั้งนี้รวมกระทั่งถึงการทดสอบในหลอดทดลองในเซลล์ และ Drosophila model
ซึ่งรายงานในวารสาร Redox Biology 2024
ข้อสรุปของรายงานนี้น่าจะทำให้คนไทย “ดีใจ” และ “เสียใจ” พร้อมกัน
“ดีใจเพราะว่าประเทศไทยมีพืชสมุนไพรกัญชงและกัญชาอยู่พร้อม รวมกระทั่งสามารถที่จะนำไปใช้ในคนป่วยในสภาวะต่างๆที่มีการอักเสบในอวัยวะทั้งตับและอื่นๆ รวมกระทั่งถึงสมองในรูปของสมองเสื่อม...สมองอักเสบ...ผลข้างเคียงที่เกิดตามมาทางจิตอารมณ์ การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ เป็นต้น”
และ...มีอาการดีขึ้นโดยที่ไม่ได้ใช้ยาปัจจุบันในขนาดสูงหรือโดยที่ยาปัจจุบันไม่สามารถเยียวยาอาการได้แล้ว
“เสียใจก็คือ...แทนที่จะมีการส่งเสริมการใช้ทางการแพทย์และวิจัยพัฒนาเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ กลับประณามกัญชง
...กัญชาและสมุนไพรไทย โดยสรรหาแต่โทษ ซึ่งเกิดจากการใช้ผิดขนาด สารที่ใช้เป็นสารสังเคราะห์ที่อันตราย”
นี่คือ “ประเทศไทย” ต้องรอให้ฝรั่งทำเป็น “ยา” มาขายก็จะสรรเสริญแซ่ซ้องว่าเป็นของดีเป็นที่เชิดชู แต่...ราคาแพงยับเท่านั้นหรือ?
คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" เพิ่มเติม