ได้ตัวแล้ว 2 สีกากีนอกรีตร่วมแก๊งพลเรือนอีก 3 คนรีดเงิน 2 ชาวจีนหลบหนีเข้าเมือง 7 แสนหน้าด่านมอเตอร์เวย์ หลังชุดสืบสวนควานหาผู้เสียหายที่กลัวจนหัวหดไม่กล้าโผล่ให้การ นำตัวมาสอบหาเบาะแสออกหมายจับคนร้ายยกชุด ก่อนบุกคุมตัว ส.ต.อ. สังกัดสืบภาค 2 อีกรายเป็น ร.ต.ต. กองปราบฯ นักร้องเสียงดีประจำ ตร.เจ้าของบทเพลง “ตำรวจจะมา” ที่โด่งดังทางยูทูบ พลิกบทจากโปลิศนักประชาสัมพันธ์องค์กรเป็นโจร ขณะที่เจ้าตัวดอดมอบตัวให้การปฏิเสธ ชุดสืบสวนเร่งล่า 3 ผู้ต้องหาที่เหลือ

จากเหตุฉาวโฉ่วงการสีกากี กรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจขับรถปาดหน้าบริเวณด่านเก็บเงินถนนมอเตอร์เวย์ (ทางหลวงหมายเลข 7) ฝั่งขาเข้าเมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนอุ้มไปรีดเงิน 7 แสนบาท เหตุเกิดวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนภาค 2 ร่วมกับ ภ.จ.ชลบุรี และ สภ.เมืองพัทยาท้องที่เกิดเหตุ ระดมกำลังออกติดตาม 2 ผู้เสียหายชาวจีน หลังไม่ยอมปรากฏตัวเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ รวมถึงสืบสวนหาตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุพบว่ามีตำรวจจริงร่วมกระทำความผิด

ความคืบหน้า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ก.ค. พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภาค 2 นำชุดสืบสวนเข้าควบคุมตัว ส.ต.อ.ฐิติวัตร รุจิวงศ์ อายุ 30 ปี สังกัด กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 หนึ่งในตำรวจที่ร่วมกันรีดเงินนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะยืนอยู่หน้า กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 ต.บางปลาสร้อย อ.เมืองชลบุรี แจ้งข้อหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 378/2567 ลงวันที่ 22 ก.ค.2567 ฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” เบื้องต้น ส.ต.อ.ฐิติวัตรให้การปฏิเสธ

...

นอกจากนี้ ตำรวจยังออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 4 คน เป็นตำรวจ 1 นายคือ ร.ต.ต.ประเดิม สาหร่าย อายุ 54 ปี รอง สว.กก.5 บก.ป. ส่วนอีก 3 คนเป็นพลเรือนประกอบด้วยนายวรพนธ์ แก่นสวาท อายุ 40 ปี นายวชิระ บาลนคร อายุ 48 ปี และนายกมล วังสี อายุ 33 ปี ทั้ง 3 คนถูกออกหมายจับในความผิด “ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์, ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”

ต่อมาเวลา 14.00 น. ร.ต.ต.ประเดิม สาหร่าย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาเลขที่ 379/2567 เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ทั้งนี้มีรายงานว่า ร.ต.ต.ประเดิม สาหร่าย หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจร่วมขบวนการรีดทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีนรายนี้ นอกจากรับราชการอยู่กองปราบปรามแล้ว ยังเป็นนักร้องเสียงดีประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าของบทเพลง “ตำรวจจะมา” ปรากฏในช่องยูทูบ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะเป็นผู้ประชาสัมพันธ์ให้กับองค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กระทั่งกลับตาลปัตรมาตกเป็นผู้ต้องหาเสียเอง หลังร่วมกับพวกรีดเงินนักท่องเที่ยวชาวจีน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ร.ต.ต.ประเดิมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ยอมตอบคำถามใดๆกับผู้สื่อข่าว

มีรายงานว่า เบื้องหลังการจับกุมดำเนินคดีตำรวจทั้ง 2 นายร่วมกับผู้ต้องหาแก๊งพลเรือนอีก 3 คนรีดทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีนครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ทีมสืบสวนชุดคลี่คลายคดีได้ติดตามผู้เสียหายชาวจีน 2 คนคือนายจิน ฉุย อายุ 43 ปี และนายเฉิน เหว่ย อายุ 44 ปี หลังหนีไปหลบซ่อนตัวในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านจอมเทียน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง เบื้องต้นทั้งสองอ้างว่าไม่กล้าเข้าให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนสอบสวน เนื่องจากกลัวตำรวจจับในความผิดลักลอบหลบหนีเข้าเมือง

จากการสอบสวนชาวจีนทั้งสองคนทราบว่า นายเฉิน เหว่ยเคยเดินทางมาประเทศไทยเมื่อ 7 ปีก่อน ส่วนนายจิน ฉุยไม่เคยมาไทย ทั้งคู่ถูกทางการจีนออกหมายจับในความผิดเกี่ยวข้องกับการพนันก่อนหลบหนีออกจากประเทศจีนต้นเดือน ธ.ค.2566 เข้าสู่ประเทศลาวและหลบหนีเข้าเมืองไทยข้ามแม่น้ำโขงทางชายแดน จ.เชียงราย จากนั้นมีคนไปรับริมแม่น้ำโขงพาไปส่งสนามบินเชียงรายมุ่งหน้าสู่เมืองพัทยา หลังสอบปากคำชุดสืบสวนคุมตัวชาวจีนทั้ง 2 คนส่งให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ก่อนพาไปสอบปากคำที่ สภ.หนองปรือ เพื่อหาตัวกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นตำรวจร่วมกันรีดทรัพย์ 7 แสนบาท จนนำไปสู่การออกหมายจับดำเนินคดีตำรวจจริง 2 นาย ส่วนพลเรือนอีก 3 คนอยู่ระหว่างหลบหนี ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวดำเนินคดี

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่