ระบบปฏิบัติการ “วินโดวส์” ล่ม หน้าจอขึ้นสีฟ้าครั้งใหญ่ค่อนโลก ทำธุรกิจการบิน การเงินการธนาคาร สถานีโทรทัศน์ และอื่นๆ รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ต้องกลับมาใช้ระบบ “แมนนวล” (Manual) แก้ปัญหาชั่วคราว เหตุจากผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อใช้งานในระดับองค์กร อัปเดตระบบซอฟต์แวร์ “ฟอลคอน เซ็นเซอร์” (Falcon Sensor) จนเกิดผลกระทบครั้งใหญ่ เผย “ไทย” เดือดร้อนไม่แพ้กัน ทอท.ต้องแจ้งผู้โดยสารมาเช็กอินก่อนเดินทาง 4 ชม. ขณะที่ รพ.ศิริราช และ รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ยืนยันแก้ปัญหาจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
เหตุ “วินโดวส์” ล่มทำป่วนค่อนโลก เปิดเผยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. สำนักข่าวต่างประเทศ รอยเตอร์ของอังกฤษ เอพีของสหรัฐอเมริกา แชแนล นิวส์ เอเชียของสิงคโปร์ รายงานว่า ผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์ของบริษัทไมโครซอฟท์ ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลกไม่สามารถใช้งานได้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากหน้าจอขึ้นเป็นสีฟ้า หรือที่เรียกว่า “บลู สกรีน ออฟ เดธ” (Blue Screen of Death หรือ BSoD) มักจะเกิดขึ้นเมื่อฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มีปัญหาขัดข้อง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายภาคส่วน ทั้งสายการบิน รถไฟฟ้า ธนาคารและสถานีโทรทัศน์ในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย สิงคโปร์และไทย
...
เหตุการณ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอทีล่มครั้งใหญ่ในครั้งนี้ ทำให้หลายสายการบินต้องระงับและยกเลิกเที่ยวบินเป็นจำนวนมาก กระทบกับระบบจองตั๋วเครื่องบิน ระบบเช็กอินของสายการบินที่ทำให้ต้องเปลี่ยนมาใช้งานด้วยคนเป็นการชั่วคราวมีความล่าช้ามีผู้โดยสารต่อแถวเพื่อรอดำเนินการยาวเหยียด ขณะที่ซิเรียม บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านการบินของอังกฤษเผยว่า ในวันที่ 19 ก.ค. มีเที่ยวบินทั่วโลก 110,000 เที่ยวบิน กระทั่งเมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษ มีการยกเลิกเที่ยวบินไปกว่า 1,390 เที่ยวบินทั่วโลก เช่นเดียวกับธนาคารและองค์กรผู้ให้บริการทางการเงินในออสเตรเลีย อินเดียและเยอรมนีก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันมีการประกาศเตือนลูกค้าถึงเหตุนี้ ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ ขณะที่ระบบรถไฟฟ้าของอังกฤษก็ต้องระงับการให้บริการชั่วคราวเช่นกัน
ด้านบริษัท ไมโครซอฟท์ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า บริษัท คราวด์สไตรก์ (CrowdStrike) ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรโดยเฉพาะได้มีการอัปเดตระบบซอฟต์แวร์ ฟอลคอน เซ็นเซอร์ (Falcon Sensor) เป็นเหตุให้ผู้ใช้งานในระบบปฏิบัติการวินโดว์ ได้รับผลกระทบจนระบบล่มขึ้นหน้าจอสีฟ้ากันทั่วโลก จากนั้นไม่นานไมโครซอฟท์แถลงอีกครั้งว่า ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย แต่ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์บางส่วนยังคงขัดข้องในบางแอปพลิเคชันและบริการของออฟฟิศ 365
ทั้งนี้ นายจอร์จ เคิร์ตซ์ ประธานบริหารบริษัทคราวด์สไตรก์ แถลงผ่านโซเชียลมีเดีย เอ็กซ์ ว่าพบปัญหาขัดข้องในการอัปเดตซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งในผู้ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ แมค และลินุกซ์ ยังใช้งานได้ตามปกติ ระบุเหตุครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องความมั่นคงหรือถูกโจมตีทางไซเบอร์แต่อย่างใด มีการแก้ไขระบบแล้ว บริษัทพร้อมให้ความช่วยเหลือกับผู้ใช้บริการทุกคนเพื่อรับประกันความปลอดภัยและเสถียรภาพของลูกค้าและจะรายงานความคืบหน้าบนเว็บไซต์ อีกทั้งแนะนำให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของคราวด์สไตรก์โดยตรงผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการของบริษัท จากนั้นไม่นาน นายจอร์จ เคิร์ตซ์ กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี นิวส์ของสหรัฐฯว่าขออภัยเป็นอย่างยิ่งถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทุกคน ทั้งลูกค้า ผู้เดินทาง รวมทั้งบริษัทต่างๆ
เย็นวันเดียวกัน บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์จากกรณีปัญหาที่ส่งผลกระทบกับอุปกรณ์ Windows ของไมโครซอฟท์เกิดปัญหาและล่มทั่วโลก ว่าปัญหาที่ส่งผลกระทบกับอุปกรณ์ วินโดวส์ มีเหตุมาจากการอัปเดตแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของผู้ให้บริการรายหนึ่ง คาดว่าจะมีแนวทางการแก้ไขออกมาในที่สุด
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า รัฐบาลอังกฤษจัดประชุมในวาระฉุกเฉินถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีระบบไอทีล่มทั่วโลก ยืนยันว่าเซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่ได้เข้าร่วมการประชุม แต่รับทราบถึงเหตุดังกล่าวแล้ว ส่วนทำเนียบขาวสหรัฐฯระบุว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบและติดตามเหตุดังกล่าว ด้านนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเผยว่า ระบบการให้บริการของรัฐบาลและระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญของออสเตรเลียไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว
ต่อมาสำนักข่าวรอยเตอร์ของอังกฤษรายงานว่า บริษัทไมโครซอฟท์ ยืนยันว่าแก้ไขความขัดข้องของแอปพลิเคชันออฟฟิศ 365 และบริการของไมโครซอฟต์แล้ว แต่มีผู้ใช้งานบางส่วนที่ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังคงขัดข้องอยู่ โดยที่ไม่มีการระบุว่าจะสามารถแก้ไขความขัดข้องทั้งหมดแล้วเสร็จเมื่อใด
...
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์รายหนึ่งระบุว่า เหตุขัดข้องที่เกิดขึ้นจะส่งผลระดับโลกอย่างใหญ่หลวง แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสันนิษฐานว่าสาเหตุเกิดจากเหตุใดกันแน่ อาจเป็นความขัดข้องเชิงระบบหรืออาจเกิดจากการถูกเจาะระบบก็เป็นได้
ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวย การใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. กล่าวถึงกรณี Host DataCenter ของระบบนาวิแทร์ (Navitaire) ขัดข้อง ทำให้ทุกสายการบินทั่วโลกที่ใช้ระบบดังกล่าวในทุกท่าอากาศยานไม่สามารถเช็กอินผู้โดยสารและสำรองที่นั่งได้ มีสายการบินหลักที่ได้รับผลกระทบแล้วหลายสายการบิน อาทิ Thai Air Asia (FD), Scoot Tiger (TR) สาเหตุที่เกิดเหตุระบบล่มไม่ได้เป็นระบบของไมโครซอฟท์โดยตรง แต่เป็นระบบที่เรียกว่านาวิแทร์ เป็นระบบการเช็กอินของแต่ละสายการบิน เบื้องต้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือแล้ว ขณะนี้ต้องเช็กอินแบบแมนนวล (Manual) ไปก่อน หากผู้โดยสารเช็กอินมาก่อนหน้านี้และไม่มีสัมภาระสามารถใช้ระบบ Biometrics ผ่านเข้าสู่จุดตรวจค้นได้เลย
“ยอมรับว่าทั้ง 6 ท่าอากาศยานของ ทอท.ได้รับผลกระทบทั้งหมด ส่งผลให้ผู้โดยสารใช้เวลาเช็กอินนานกว่าปกติ ผมขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางล่วงหน้า 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน ทั้งนี้ทางสายการบินแจ้งว่าจะไม่มีการยกเลิกเที่ยวบินแต่อาจมีความล่าช้าในบางเที่ยวบิน ทั้งนี้ ทอท.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและแจ้งให้ทราบต่อไป” นายกีรติกล่าว
...
ขณะที่ ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุส่งผลต่อระบบบริการของ รพ.ศิริราช รวมถึง รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์เช่นกัน แต่เร่งประสานผู้บริหารทั้ง 2 โรงพยาบาลให้รีบแก้ปัญหาพร้อมชี้แจงทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้ผู้รับบริการทราบ ยอมรับว่าในแต่ละวันมีผู้ป่วยเข้ามารับบริการจำนวนมากแต่ก็สามารถดำเนินการแก้ปัญหาผ่านไปได้ด้วยดีและไม่ได้เกิดปัญหาต่อระบบบริการรักษาคนไข้ที่สำคัญๆ อย่างไรก็ตามเหตุระบบล่มดังกล่าวเกิดเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ล่าสุดได้แก้ปัญหาจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่