รองเลขาธิการนายกฯส่งทีมกฎหมายโร่แจ้งความ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” หลังโดนแอบอ้างคณะทำงานออกบัตรเข้าออกทำเนียบรัฐบาล เรียกเก็บค่าใช้จ่าย 60,000 บาท ก่อนหน้านี้มีการแอบอ้างขายวุฒิปริญญาตรี 200,000 บาท จนมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสกลนคร “ต้นอ้อ” ยันไม่เป็นเรื่องจริงทั้งซื้อขายวุฒิการศึกษาและตำแหน่งในรัฐสภา เตรียมรวบรวมหลักฐานฟ้องกลับ ครวญที่พลาดไปเพราะรักและหวังดีกับเพื่อนกลับถูกบิดเบือนจนเสียหาย ขณะที่ ม.พิษณุโลก ตั้งโต๊ะแถลงข่าวยันไม่มีการซื้อขายวุฒิการศึกษา แจงผู้เสียหายยังเป็นนักศึกษาอยู่เทอมสอง ไม่ได้เรียกเก็บเงินเกินจริง ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงพร้อมดำเนินการตามกฎหมายที่ทำให้มหาวิทยาลัยเสียหาย ด้าน รมว.อว.สั่งสอบข้อเท็จจริงด้วย
กรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความแฉประธานมูลนิธิดังแอบอ้างขายวุฒิการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในราคา 200,000 บาท และยังมีการแอบอ้างซื้อขายตำแหน่งในรัฐสภาราคา 60,000 บาท ผู้เสียหายเป็นหญิงอายุ 42 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสกลนคร ว่า ได้ไปร้องทุกข์ต่อมูลนิธิแห่งหนึ่งเพื่อขอความช่วยเหลือด้านคดีที่ถูกสามีทำร้ายร่างกายและฮุบสมบัติ พร้อมปรึกษาว่าอยากจะมีตัวตนให้สามีรู้สึกเกรงขาม ประธานมูลนิธิเสนอให้ซื้อวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้วไปยื่นสมัครหรือซื้อตำแหน่งที่รัฐสภา ทำให้หลงเชื่อและโอนเงินไปเมื่อปลายปี 66 แต่ถึงวันนี้ไม่มีวี่แวว สอบถามไปก็บ่ายเบี่ยงจึงมาแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานไว้ว่าโดนหลอกลวง
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.ค. นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีมีเพจแอบอ้างเป็นคณะทำงานของรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สามารถออกบัตรเข้า-ออก ทำเนียบรัฐบาลได้ โดยมีค่าใช้จ่าย 60,000 บาทว่า เรื่องนี้เกิดจากที่ตนเคยออกบัตรให้บุคคลหนึ่งเป็นผู้ประสานงานกับพรรคเพื่อไทย แต่มีการนำบัตรไปอวดในกลุ่มไลน์ของมูลนิธิหนึ่ง จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากการซื้อขายใบปริญญา จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ราคา 200,000 บาท มีการถกเถียงเรื่องของราคาที่ไม่เท่ากัน จากนั้นมีการพูดถึงอีก 1 ตำแหน่งหากต้องการทำงานในทำเนียบรัฐบาล เป็นทีมงานของรองเลขาธิการนายกฯ ตอนแรกไม่ติดใจ แต่ปรากฏว่าด้านล่างของแชตไลน์มีรูปตนโดยตรง จึงขอดำเนินคดีตามกฎหมายกับเจ้าของเพจคือ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือคุณต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ทีมกฎหมายของตนจะเดินทางไปแจ้งความในช่วงบ่าย ยืนยันไม่เคยมีเรื่องการซื้อขายตำแหน่งใดๆ เพราะไม่กล้าทำ
...
นายสมคิดกล่าวด้วยว่า เมื่อคืนนี้คุณต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โทร.มาขอโทษแล้ว รวมถึงมีการโพสต์ขอโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอย้ำว่าไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แม้จะขอโทษ แต่ทีมกฎหมายบอกว่า ไม่แจ้งความดำเนินคดีคงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเหมือนกับเรารู้เห็น และวันนี้ได้ทำหนังสือยกเลิกบัตรเข้าออกทำเนียบของคณะทำงานทั้งหมด 14 คน ไม่อยากไปเช็กว่าใครดีใครเลว เอาเป็นว่าใครอยากมาพบอยากมาประสานงานจะไม่ให้บัตรอีกแล้ว ส่วนคนที่นำบัตรไปอวดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแอบอ้างในเรื่องนี้หรือไม่ ตนยังไม่ทราบ แต่เห็นหน้าชัดเจนในไลน์กลุ่ม และเจ้าตัวก็มาชี้แจงว่าถูกแอบอ้างเหมือนกัน ก็ต้องไปต่อสู้กันในชั้นคดี
ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊ก “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” หรือ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ชี้แจงว่า “กรณีที่มีการปล่อยข่าวว่ามีการซื้อขายตำแหน่งคณะทำงานรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ต้นอ้อขอชี้แจงยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่มีการโอนเงินซื้อขายตำแหน่งแต่อย่างใด ท่านสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว แต่กลับถูกพาดพิงจนได้รับความเสียหาย ดังนั้นต้นอ้อได้รวบรวมหลักฐานเพื่อส่งมอบให้ทนายความดำเนินคดีจนถึงที่สุดต่อไป ดิฉันต้องกราบขออภัยไปยังท่านสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ที่ได้รับความเสียหายจากเรื่องนี้ค่ะ”
อีกโพสต์หนึ่งระบุว่า “กรณีที่มีบางเพจและกลุ่มคนบางกลุ่มเปิดเผยแชตและมีการพาดพิงถึง “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ในทางเสื่อมเสีย ตลอดจนมีการบิดเบือนเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด อ้อยืนยันว่ามีหลักฐานโต้แย้งข้อกล่าวหาทุกเรื่อง และยินดีให้ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายใช้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการเพื่อนำหลักฐานของทั้งสองฝ่ายมาแสดงในชั้นศาล ไม่ใช่การโพสต์กล่าวหาลอยๆ จนนำไปสู่ผลกระทบต่อชื่อเสียงและงานของ “มูลนิธิเป็นหนึ่ง” ที่กำลังดำเนินอยู่ ทั้งนี้ อ้อต้องกราบขออภัยอย่างสูงหากมีบุคคลที่สามท่านใดที่ต้องได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ต่อจากนี้อ้อยังขอยืนยันว่าจะทำงานช่วยเหลือสังคมต่อไปค่ะ” และยังคอมเมนต์อีกว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของอ้อที่ผิดพลาดไปเพราะรักและหวังดีกับเพื่อน แต่มีการบิดเบือนบางส่วนทำให้อ้อได้รับความเสียหาย เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมีที่มาที่ไป มีหลักฐานทุกอย่าง ต้องขอโทษสังคม และคนที่ติดตามอ้อที่ทำให้รู้สึกผิดหวังในตัวอ้อ เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้อ้อมากที่สุดในชีวิตและอ้อจะเลือกคบเพื่อนให้ดีกว่านี้ค่ะ”
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามผู้เสียหายชื่อ น.ส.วิไลลักษณ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ซ้อลักษณ์” อดีตผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง เผยว่า รู้จักกันกับประธานมูลนิธิจากการที่ตนมีปัญหาฟ้องร้องกับสามี ต่อมาตนบอกว่าอยากจะมีตัวตนทำให้สามีเกรงขาม ประธานเสนอให้ซื้อวุฒิการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แล้วนำไปสมัครหรือซื้อตำแหน่งในรัฐสภา ตนหลงเชื่อโอนเงินให้ไป 2 แสนบาท พอครบกำหนดนัดรับใบปริญญาในเดือน ก.พ.67 ไม่มีวี่แววว่าจะได้ตามที่ตกลงไว้ เมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ทำให้เชื่อว่าน่าจะถูกหลอกแน่นอนเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสกลนคร ยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง หลักฐานที่เป็นแชตระหว่างตนและประธานมูลนิธิก็เป็นแชตจริง ตนกล้าที่จะสาบาน หากประธานมูลนิธิบอกว่าเป็นแชตปลอมแล้วกล้าสาบานหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีความพยายามโยงตนกับทนายความคนหนึ่งที่เป็นคู่กรณีกับประธานมูลนิธิ ยืนยันและสาบานว่าไม่เคยรู้จักและไม่เคยติดต่อพูดคุยกันแต่อย่างใด เรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้สังคมแยกแยะเรื่องข้อเท็จจริงและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน โดยเฉพาะเรื่องลูกของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ขออย่าเอามาปะปนกัน
...
ที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ช่วงเช้าวันเดียวกัน ดร.มานพ เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร พร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยพิษณุโลก ร่วมแถลงชี้แจงกรณีมีการแอบอ้างซื้อขายวุฒิการศึกษาปริญญาตรีราคา 200,000 บาท ว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นเรื่องจริง การซื้อขายวุฒิการศึกษาไม่มี นักศึกษาที่พูดออกไปทำให้ ม.พิษณุโลกได้รับความเสียหาย นิติกรมหาวิทยาลัยจะดำเนินทางกฎหมายทันที ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าเป็นเรื่องภายในหรือเกิดการทะเลาะกัน จากการตรวจสอบพบว่า นักศึกษารายดังกล่าวเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยจริง แต่เพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่นาน มาสมัครเรียนเมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 มีการชำระเงินตามระเบียบของมหาวิทยาลัย
ว่าที่ร้อยตรี ดร.สุนิมิต ชุ่มพงษ์ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ กล่าวว่า นักศึกษาคนดังกล่าวมาลงทะเบียนเป็นวงเงินทั้งสิ้น 130,000 บาท และค่าสมัครแรกเข้า 1,500 บาท เรียนทั้งหมด 6 เทอม 3 ปี 41 รายวิชา ยืนยันว่าขณะนี้ยังเรียนอยู่ ยังไม่จบการศึกษา เริ่มเรียนในภาคเรียนที่ 2 เมื่อปีการศึกษาที่ผ่านมาไม่ได้จ่ายเงินเกินจากความเป็นจริง เป็นเงินที่จ่ายให้มหาวิทยาลัยตามคอร์สปริญญาตรีที่ได้เลือกเรียน ทางมหาวิทยาลัยพยายามติดต่อนักศึกษาคนดังกล่าวไม่ยอมรับโทรศัพท์ จากภาพที่โชว์หัวกระดาษเป็นชื่อมหาวิทยาลัยพิษณุโลกที่ได้จ่ายค่าแรกเข้า 1,500 บาท เรื่องนี้ทำให้มหาวิทยาลัยเสียหายที่ไม่ชี้แจงว่าเอกสารดังกล่าวออกด้วยเรื่องอะไร ต้องเรียกตัวมาพูดคุยและอาจจะมีการฟ้องร้องดำเนินการตามกฎหมาย ที่อ้างว่าจ่าย 2 แสนบาท นักศึกษาไปแจ้งความเป็นการเรียกร้องเงินไม่จริง มหาวิทยาลัยไม่ได้เก็บเงินเกินจริง ส่วนการที่จะไปจ่ายให้กับนายหน้า ทางมหาวิทยาลัยไม่ขอรับรู้ในเรื่องนี้
ดร.มานพ เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยพิษณุโลกเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน เปิดดำเนินการมากว่า 20 ปี ต้องเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยต้องหารายได้เพื่อดูแลมหาวิทยาลัย ถ้าขาดทุนจะต้องหาเงินมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการ วันนี้ให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ถ้ามีบุคลากรมหาวิทยาลัยเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการตามระเบียบ ไม่ละเว้น เรื่องนี้มีหลักฐานชัดเจน ว่ากันไปตามกฎหมาย
...
ด้าน น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะโฆษกกระทรวง อว. เผยว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีประชาชนไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดสกลนคร กล่าวหาประธานมูลนิธิแห่งหนึ่ง หลอกเอาเงิน 200,000 บาท เพื่อไปซื้อปริญญาจากมหาวิทยาลัยเอกชน พร้อมปรากฏภาพใบเสร็จรับเงินจากมหาวิทยาลัยแห่งนั้น ถือเป็นการกระทบต่อความเชื่อมั่นในการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. จึงสั่งการให้ปลัดกระทรวง อว. เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานความคืบหน้าให้ทราบโดยเร็ว เพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็พร้อมจะสั่งการให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีข่าวแอบอ้างซื้อขายบัตรคณะทำงานภายในทำเนียบรัฐบาลว่า ไม่เคยรับทราบ ข่าวนี้เลย เป็นเรื่องไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องไม่ให้ เกิดขึ้น กำชับไม่อยากให้ทำและหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อถามว่า ต้องเช็กยอดผู้ติดตามของนายกฯใหม่ ทั้งหมดหรือไม่ เพราะอย่างของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ก็ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาและคณะ ทำงานถึง 44 คน นายเศรษฐากล่าวว่า ถ้าเป็นคนที่ได้รับอนุมัติจากตน ตรงนี้มั่นใจและพอใจอยู่แล้ว แค่นี้พอแล้ว แต่เรื่องที่ผู้สื่อข่าวถามว่ามีบัตรปลอม จะไปเช็กดูอีกทีว่าเป็นจริงหรือไม่
ที่ สน.นางเลิ้ง นายชุมสาย ศรียาภัย ทีมกฎหมาย ผู้รับมอบอำนาจจากนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง มาลงบันทึกประจำวันกับ พ.ต.ต.ประธาน สีหาพล สว.(สอบสวน) ไว้เป็น หลักฐาน เพื่อยืนยันว่านายสมคิดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่นำชื่อ ตำแหน่ง และภาพของนายสมคิดไป แอบอ้างเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว ภายหลังลงบันทึก ประจำวัน นายชุมสายกล่าวว่า เรื่องนี้นายสมคิดรับไม่ได้และยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง หากมีการเอาชื่อ ตำแหน่ง ไปหาประโยชน์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจะ ดำเนินคดีจนถึงที่สุด
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่