นายกฯยังไม่นำคำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการ ขึ้นทูลเกล้าฯ รอมติ ก.พ.ค.ตร.ให้ชัดเจน คาด 30 วัน รู้ผล ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ด้าน “โจ๊ก” บอกไม่ผิดความคาดหมาย มติ ก.ตร.ที่ผ่านมา เตรียมร้องศาลปกครองต่อหากผล ก.พ.ค.ตร.เป็นโทษ ลั่นฟ้องดะนายกรัฐมนตรีและ ก.ตร.ทั้งคณะ อัดนายกฯปากอ้างให้ความเป็นธรรมแต่ที่แท้เป็นวาทกรรม ท้า “วินัย” ตรวจสอบพบอะไรก็ว่าไป แต่ไม่มีสิทธิ์วินิจฉัยไม่ใช่ศาล พ้อถ้าอายุราชการเหลือปีเดียวคงไม่ทะเลาะกับใครแบบนี้ ส่วน “บิ๊กต่าย” ร่ายยาวไม่หนักใจทำตามหน้าที่ ปัดข่าวถูกทาบเป็นปลัด มท. ส่วนภาพนายกฯตบไหล่แค่ทักทายและไม่ทราบข่าว “บิ๊กต่อ” จะไขก๊อก

ภายหลังที่ประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมามีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ที่ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.เมื่อครั้งรักษาการ ผบ.ตร.ชอบด้วยกฎหมาย ด้วยมติ 12 ต่อ 0 ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าเรื่องวุ่นๆของบิ๊กสีกากีที่ฝ่ายหนึ่งใช้ข้อกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งต่อสู้รักษาสิทธิ ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. เปิดให้สัมภาษณ์ตอบโต้มติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่เห็นชอบคำสั่งให้ตัวเองออกจากราชการไว้ก่อนว่าชอบด้วยกฎหมายนั้นไม่ผิดความคาดหมายเพราะตนเป็นรอง ผบ.ตร.รู้วิธีการทำงานของตำรวจ และเลขานุการ ก.ตร.ก็ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นมติ 12 ต่อ 0 ดังนั้นมติอาจเป็นเพียงการรับทราบเท่านั้น ให้รอผลวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร.ก็ได้ อีกทั้งคณะอนุกรรมการวินัย ก.ตร. ล้วนแต่เป็นตำรวจ อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีใครกล้าลงมติว่าผู้บังคับบัญชาผิด

...

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ระบุว่า คณะอนุกรรมการวินัย ไม่มีอำนาจพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของตำรวจว่าถูกหรือผิด มีอำนาจแค่พิจารณาว่า ผบ.ตร.มีอำนาจสั่งการหรือไม่เท่านั้น ส่วนที่อ้างว่าก่อนหน้านี้มีอนุกรรมการร้องทุกข์ที่สามารถพิจารณาเรื่องคุณและโทษของตำรวจได้นั้น ปัจจุบันได้ถูกยุบไปแล้ว มี ก.พ.ค.ตร.เข้ามาแทนที่ให้ความเป็นธรรมกับเรื่องร้องทุกข์ของตำรวจเทียบเท่ากับศาลปกครองชั้นต้น หลังจากนี้หากผลวินิจฉัย ก.พ.ค.ตร.ออกมาเป็นโทษกับตน ก็จะนำผลไปร้องศาลปกครองสูงสุดต่อไป ส่วนมติ ก.ตร.ที่ออกมาจะเป็นการกดดันการทำหน้าที่ของ ก.พ.ค.ตร.หรือไม่นั้น มองว่าไม่ได้กดดันทุกอย่างต้องพิจารณาตามกฎหมายและ พ.ร.บ.ตำรวจ ส่วนที่มีคณะกรรมการ ก.พ.ค.ตร.ที่เป็นคู่ขัดแย้งกับตนอีกฝ่ายได้สละสิทธิไปแล้ว ทำให้ตอนนี้เหลือคณะกรรมการแค่ 6 คน ในการพิจารณา ไม่มีอะไรน่าหนักใจ และยังเชื่อมั่นใน ก.พ.ค.ตร.ว่าจะให้ความเป็นธรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังตั้งคำถามถึงพฤติกรรมนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้มีหนังสือถึงตนบอกว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่กลับไม่นำความกราบบังคมทูลฯ และโยนให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ซึ่งกฤษฎีกาตีความมาแล้วว่า เป็นคำสั่งที่ผิดพ.ร.บ.ตำรวจ เป็นการข้ามขั้นตอน ก่อนส่งเรื่องกลับไปที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อ้างว่าคำสั่งไม่สมบูรณ์ แต่ต่อมากลับมานั่งเป็นประธานการประชุม ก.ตร. เมื่อวานนี้ และยังรับรองมติอนุกรรมการวินัยที่เห็นชอบว่าคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ทักท้วง ดังนั้น ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วเพราะหากคำสั่งเห็นชอบด้วยกฎหมายจริง เหตุใดก่อนหน้านี้นายเศรษฐาไม่นำความขึ้นกราบ บังคมทูลฯ ด้วยเหตุนี้เตรียมฟ้องนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการ ก.ตร. ทั้งคณะรวม 12 คน ในช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าว่าจะให้ความเป็นธรรมกับตน ให้รอผล ก.พ.ค.ตร. ใน 30 วันนั้น ไม่ใช่ว่าตนไม่เชื่อ แต่มองว่าเป็นเพียงวาทกรรม เพราะในทางปฏิบัติมันไม่ใช่ และความผิดของนายกรัฐมนตรีถือว่าสำเร็จแล้วอยู่ดี

อดีตรอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ออกมาให้ความเห็นว่าตนไม่ควรฟ้องนายกรัฐมนตรีนั้น ตนยังนับถือนายวิษณุอยู่ แต่ก็ต้องรักษาสิทธิเพื่อความชอบธรรม ยืนยันไม่ได้ต้องการทะเลาะกับใคร รวมกรณีที่ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกมาติงตนนั้น ตนไม่ว่า หาก พล.ต.อ.วินัยต้องการจะแฉก็แฉเลยแต่ต้องพูดให้หมด และเข้าใจให้ตรงประเด็นว่าตนฟ้องอีกฝ่ายข้อหาหมิ่นประมาท ส่วนอีกฝ่ายจะตรวจสอบข้อเท็จจริงพบอะไรก็ว่าไป แต่ไม่มีสิทธิวินิจฉัยคดีเพราะไม่ใช่ศาล ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการทะเลาะกับผู้บังคับบัญชา แต่ขอถามกลับว่าทำไมตนถึงถูกรังแกมาทั้งชีวิต เพราะตนมีอายุราชการเหลือหลายปี เป็นอาวุโสลำดับที่ 1 ทำงานตรงใจประชาชนสามารถแก้ได้ทุกเรื่อง ถ้าอายุราชการเหลือแค่ 1 ปี คงไม่มีปัญหากับใคร

อีกด้านหนึ่ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. เปิดใจถึงมติที่ประชุม ก.ตร. มติเห็นชอบกับอนุฯก.ตร.วินัยว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ยอมรับว่าได้แถลงให้ที่ประชุม ก.ตร.รับทราบถึงที่ไปที่มาและเหตุผลในการออกคำสั่งดังกล่าว ก่อนที่จะออกมาด้านนอกและให้ในที่ประชุมได้ลงมติดังกล่าว ภายหลังจากทราบผลตนรู้สึกว่าระหว่างการปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ตนทำหน้าที่ด้วยความสุจริตใจ ช่วงเวลานั้นใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบ

อดีต รรท.ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถูกศาลออกหมายจับ และไม่ไปรับทราบข้อหาตามหมายเรียก ในขณะที่พนักงานสอบสวนไปขอศาลออกหมายจับ ศาลได้นำเรื่องพฤติการณ์ทางคดีและพยานหลักฐานต่างๆไปพิจารณาใช้เวลาพิจารณานานเกือบ 1 วัน ยืนยันว่าทำไปด้วยความสุจริตใจไม่ได้ต้องการขัดแข้งขัดขาอย่างที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตั้งข้อสังเกต ส่วนผล ก.ตร.วานนี้ ไม่ได้มีความดีใจหรือเสียใจ เป็นความรู้สึกปกติเพราะผลออกมาจากการพิจารณาออกคำสั่งของตนเป็นไปตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ตามความร้ายแรงที่เกิดขึ้น เพราะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน

...

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า หากผลคำวินิจฉัย ของ ก.พ.ค.ตร.ออกมาไม่เป็นบวกจะฟ้องร้องเอาผิดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติมองว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ เป็นธรรมดาที่ตำรวจจะโดนฟ้องจากผู้จับกุมผู้ที่ถูกตรวจค้น แต่อยากให้ทำด้วยความสุจริตใจและไม่ได้มีเจตนาใดแอบแฝง ตนไม่ได้มีเจตนาใดๆสามารถตอบและชี้แจงต่อหน่วยงานและองค์กรต่างๆได้ ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุม ก.ตร.เมื่อวานนี้มีแต่คณะกรรมการที่อยู่เป็นลูกน้องของ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คงมองว่าไม่เป็นธรรมร้องเรียนและขอความเป็นธรรมได้ เป็นสิทธิ แต่การฟ้องร้องขอให้มีข้อมูลและเหตุผลเพียงพอเพราะไม่เช่นนั้นผู้ถูกฟ้องก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมายกลับไปเหมือนกัน แต่สำหรับตนไม่ได้วิตกกังวลอะไรเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามต่อไป เป็นมุมมองความคิดที่ขยายออกไปได้แต่ตนให้เหตุผลไปแล้ว

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวอีกว่า ภายหลังจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กลับมาปฏิบัติราชการแล้วได้ทักทายกันตามปกติและทำงานร่วมกันปรึกษางานกันตามปกติ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องนโยบายเกี่ยวกับการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน ส่วนกระแสข่าวที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์จะทิ้งตำแหน่ง ผบ.ตร เรื่องนี้ไม่ทราบข่าวจริงๆแต่เชื่อว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับมาก็ต้องทำงานของตัวเอง ส่วนเรื่องอื่นเชื่อว่าท่านจะต้องไปพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม ที่มีการมอบหมายให้ตนไปประชุม ผบ.เหล่าทัพหรือแม้แต่การประชุมติดตามผลการปิดล้อมกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดวันนี้ ที่นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมผ่านระบบทางไกลนั้น ชี้แจงว่าการประชุม ผบ.เหล่าทัพ เป็นเพราะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรไว้นานแล้ว ส่วนการประชุมวันนี้ตนเป็น ผอ.ศอ.ปส.ตร.ก็ต้องมาประชุมและมีการมอบหมายไว้แล้ว ยืนยันว่าไม่มีอะไรทำงานกันได้อย่างปกติ

...

เมื่อถามว่า การประชุม ก.ตร.เมื่อวานนี้มีจังหวะหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีเดินมาตบไหล่นั้นเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐชี้แจงว่า เป็นการทักทายตามปกติเพราะตนเพิ่งพ้นจากหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร. ในช่วง 3เดือนก็ได้ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด และเป็นวันแรกที่นายกรัฐมนตรีเข้ามาหลังจากที่ตนพ้นหน้าที่รักษาการก็คงเป็นการทักทายตามปกติ พร้อมปฏิเสธว่าไม่มีการทาบทามให้ตนไปรับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย หากมีทาบทามก็ไม่ไปเพราะรักอาชีพตำรวจและคงจะอยู่จนเกษียณอายุราชการ

ส่วนความเคลื่อนไหวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 10.05 น.วันเดียวกัน ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่มติ 12 ต่อ 0 เห็นชอบคำสั่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย กังวลหรือไม่ว่าจะถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องเอาผิดมาตรา 157 ว่า กังวลทุกเรื่อง สื่อถามทุกวัน อย่างที่เคยบอกไปเราปฏิบัติยึดตามกฎหมาย ฉะนั้นเราไตร่ตรองดีแล้วและให้ความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เมื่อถามว่าตามขั้นตอนต้องรอคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หรือนำขึ้นทูลเกล้าฯเรื่องให้ออกจากราชการไว้ก่อน นายกฯกล่าวว่า ตรงนี้ก็เป็นอย่างหนึ่งที่เราให้ความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่าในขณะที่มีเรื่องร้องเรียนอยู่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ไปยื่นร้องกับ ก.พ.ค.ตร. อีกประมาณ 30 วัน น่าจะตัดสินได้ ถือว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.มีการพูดคุยกันระหว่างคณะกรรมการ ก.ตร. ว่าเรื่องการทูลเกล้าฯคงพักไปก่อน รอให้ ก.พ.ค.ตร. มีมติที่ชัดเจนแล้วค่อยมาว่ากัน

...

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่