นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยถึงการจัดตั้งกองวิจัยพัฒนาพืชเศรษฐกิจใหม่และการจัดการก๊าซเรือนกระจกสำหรับภาคเกษตร ขึ้นเป็นหน่วยงานใหม่ภายในกรมวิชาการเกษตร ว่า เป็นหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกของไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน มีภารกิจขับเคลื่อนให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิตพืช โดยจะดำเนินงานทั้งในส่วนของการศึกษาวิจัยแนวทางในการลดก๊าซเรือนกระจก พัฒนาวิธีดำเนินการเพื่อให้ได้คาร์บอนเครดิต การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ในการจัดการ และเป็นผู้ตรวจประเมิน และรับรองคาร์บอนเครดิตภาคการเกษตร

“รวมทั้งศึกษาวิจัยพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นพืชที่มีอนาคตต่อเศรษฐกิจทั้งในด้านการส่งออก หรือเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นอาหารแห่งอนาคต เช่น หมาก มะพร้าวน้ำหอม กาแฟ กัญชา กัญชง กระท่อม ไม้เศรษฐกิจกักเก็บคาร์บอน ไข่ผำและพืชที่มีศักยภาพเป็นพืชโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์ เป็นต้น”

...

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า นอกจากจัดตั้งกองวิจัยพัฒนาพืชเศรษฐกิจใหม่ฯ กรมวิชาการเกษตรยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เพื่อส่งเสริมการดำเนินการตรวจรับรองประเมินโครงการ รับรองการคำนวณคาร์บอนเครดิตทางการเกษตรและป่าไม้ ดูแลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้กลไกการพัฒนาที่สะอาด และประเมินคาร์บอนเครดิตในภาคการเกษตร

โดยกรมวิชาการเกษตร และ อบก. จะขยายผลจากการทำ MOU นำร่องใน 3 โครงการ คือ การผลักดันต้นแบบ การจัดทำคาร์บอนเครดิตภาคการเกษตร ให้สามารถซื้อ-ขายได้จริง ในพืชเศรษฐกิจ การวิจัยคาร์บอนฟุตพรินต์ในพืชเศรษฐกิจ

“หากกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานรับรองได้แล้ว จะลดค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาสำหรับเกษตรกร หรือผู้ประกอบการที่สนใจ เนื่องจากกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานตรวจรับรอง จึงสามารถเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำเอกสาร และมีแพลตฟอร์มในการจัดทำโครงการ T-VER ภาคเกษตร และมีความพร้อมในการให้บริการและรับรองคาร์บอนเครดิต”

นายรพีภัทร์ เผยอีกว่า ปัจจุบันกรมวิชา การเกษตรอยู่ในระหว่างการดำเนินการจัดทำ Carbon credit baseline ในพืชเศรษฐกิจนำร่อง 7 ชนิด ได้แก่ อ้อย ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ยางพารา ทุเรียน มะม่วง และข้าวโพด เพื่อเป็นเส้นฐานคาร์บอนเครดิตของพืชเศรษฐกิจหลักระดับประเทศ สำหรับพัฒนาพืชเป้าหมายเข้าสู่โครงการ T-VER และขอรับรอง ISO 14065 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อเป็นหน่วยตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตตามมาตรฐาน T-VER ของ อบก. โดยมีผู้ผ่านการ อบรมหลักสูตรผู้ตรวจสอบความใช้ได้ และผู้ทวนสอบสำหรับผู้ประเมินภายนอก สำหรับโครงการภาคสมัครใจ (VVB) จาก อบก. 31 รายแล้ว.

คลิกอ่าน “ข่าวเกษตร” เพิ่มเติม