บนโต๊ะผมเมื่อวานนี้เองมีแผ่นปลิวข่าวประชาสัมพันธ์จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ “เอ็มดิสทริค” ศูนย์การค้าแฝด 3 ย่าน สุขุมวิท เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ วางอยู่ 1 แผ่นพาดหัวว่าจะมีการจัดงานเฉลิมฉลอง “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” ที่เพิ่งผ่านวุฒิสภาไปหมาดๆ รอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อใช้เป็นกฎหมายต่อไป

โดยจะมีการจัดขบวนพาเหรดอันยิ่งใหญ่ยาว 750 เมตร จากความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 100 องค์กร เริ่มต้นแห่จากสนามศุภชลาศัยผ่านศูนย์การค้าสยาม,สยามพารากอน,เซ็นทรัลเวิลด์,เซ็นทรัลชิดลม,แยกอโศกไปสิ้นสุด ณ ศูนย์การค้า เอ็มสเฟียร์ และ อุทยานเบญจสิริ ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่ 16.00 น.

เอกสารข่าวระบุด้วยว่าขบวนพาเหรดที่จะจัดขึ้น ไม่เพียงแต่จะเป็นการเฉลิมฉลอง “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” เท่านั้น แท้ที่จริงได้วางแผนล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะเป็นการจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง “เดือนมิถุนายน” ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เดือนแห่งความภาคภูมิใจ” ของชาวสีรุ้งทั่วโลก และในบ้านเราก็เคยมีการจัดงานฉลองใหญ่มาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน

ในปี 2024 หรือปีนี้ รัฐบาลโดยคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเล็งเห็นว่าพลังสีรุ้งมีบทบาทอย่างมากในด้านการท่องเที่ยว จึงตั้งใจจัดงานใหญ่เอาไว้แต่ต้นเรียกว่า “LOVE PRIDE PARADE 2024” เผอิญวุฒิสภาของเรามายกมือผ่านกฎหมายนี้ เมื่อ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา จึงจัดฉลองไปพร้อมๆกันได้เลย

โดยจะมีนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน มาเปิดงานให้ และท่านรองประธานซอฟต์พาวเวอร์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็จะมาด้วยเอกสารของเอ็มดิสทริคย้ำด้วยว่า เมื่อขบวนแห่ไปถึง อุทยานเบญจสิริ ถนนสุขุมวิทแล้ว ก็จะเข้าสู่บริเวณอุทยาน ซึ่งจะมีกิจกรรมภาคบันเทิงเฉลิมฉลองรออยู่อีกหลายๆกิจกรรม ขอเชิญพี่น้องประชาชนทั่วๆไปเข้าร่วมสนุกในงาน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

...

ขณะเดียวกันก็จะมีการจัดงานในลักษณะของมิวสิกเฟสติวัล PRIDE LOVE AFTER PARTY กับดีเจชื่อดัง อาทิ NAKADIA, MAT.JOE, MARIANA BO และ SEVENN ณ บริเวณ สเฟียร์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า เอ็มสเฟียร์ ควบคู่กันไปแต่จะมีค่าบัตรเข้างานด้วย ท่านที่สนใจไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่หน้างานนะครับ

ผมก็ขอถือโอกาสลงข่าวนี้ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอีกแรงหนึ่ง ซึ่งในภาพรวมก็เคยเป็นข่าวที่แถลงโดย คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป เมื่อเร็วๆนี้ไปแล้ว

ถือเป็นสารตั้งต้น สำหรับการบันทึกเหตุการณ์อันสำคัญยิ่งเหตุการณ์หนึ่ง ของประเทศไทยก็แล้วกัน เพราะในอดีตก็ดูเหมือนว่าสังคมไทยเราจะต่อต้านความหลากหลายทางเพศอยู่มากพอสมควร

แต่ค่อยๆยอมรับมากขึ้นในช่วงหลังๆ และได้เข้าร่วมต่อสู้ไปพร้อมๆกับขบวนการของโลกอย่างเปิดเผยจนถึงขั้นเสนอกฎหมายต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในที่สุด

นับเป็นประเทศที่ 38 ของโลกที่ยอมรับกฎหมายสมรสเท่าเทียม และเป็นที่ 3 ของเอเชีย รองจากไต้หวันและเนปาล

สำหรับการต่อสู้ของชาว LGBTQ+ หรือชาวสีรุ้งระดับโลกนั้น เป็นข่าวใหญ่ครั้งแรกเมื่อ 28 มิถุนายน ค.ศ.1969 เมื่อชาวเกย์และเลสเบี้ยนหลายร้อยคนที่ไปชุมนุมในบาร์เถื่อนแห่งหนึ่งของนิวยอร์ก ถูกตำรวจบุกเข้าจับกุมและใช้วิธีรุนแรงเกินกว่าเหตุ กลายเป็นข่าวใหญ่ของทุกสื่อในสหรัฐฯ

ปีต่อมา 28 มิถุนายน 1970 ชาวเกย์และเลสเบี้ยนทั้งสหรัฐฯก็ออกมาแสดงพลังรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกตำรวจปราบรุนแรงในปีก่อนมีการเดินขบวนทั่วประเทศ และถือเป็นจุดเริ่มของการต่อสู้อย่างสันติ

อีก 30 ปีให้หลังใน ค.ศ.2000 ประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน ออกมาประกาศให้เดือน “มิถุนายน” เป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจ PRIDE MONTH ของชาวเกย์และเลสเบี้ยน และปี ค.ศ.2009 ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ก็ออกมาประกาศให้เดือน “มิถุนายน” เป็นเดือนแห่งความภูมิใจของชาว LGBTQ+ หรือชาวสีรุ้งทั้งมวล

ผมก็ขอถือโอกาสนี้บันทึกความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่งของสังคมไทยในเรื่องนี้เอาไว้เช่นเดียวกับที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องอื่นๆขอให้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทันกาลเวลา และนำประเทศไทยไปสู่สังคมแห่งความรักที่เปิดกว้างอย่างมีความเสมอภาค รวมถึงขอให้ทุกอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้นะครับ.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม