“กาสิโน...ก็เจ๊งได้ แต่การทำเป็นสถานบันเทิงครบวงจร ปัญหาก็ย้อนกลับไปที่ว่าเราจะจัดการยังไงกับปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา ยิ่งคุณเฟื่องฟูเท่าไหร่ เงินในกระเป๋าประชาชน โดยเฉพาะคนยากคนจนก็จะ หายไปมากเท่านั้น ไปอยู่ในมือของคนแค่ไม่กี่คน แล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจยังไง”

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน หนึ่งในผู้ศึกษาเกี่ยวกับกาสิโนถูกกฎหมาย บอกอีกว่า

“เวลาเขาพูดว่ากระตุ้นเศรษฐกิจจะมีการจ้างงาน แต่ขณะเดียวกันจะมีธุรกิจที่ล้มละลายถ้าหากว่ามันเป็นการดึงเงินในกระเป๋าของคนในประเทศไปแล้วคนในประเทศก็มีเงินจำกัดมาก เมื่อเอาเงินไปใช้ในกาสิโนมากขึ้น ก็มีเงินที่จะใช้จ่ายในการบริโภคอย่างอื่นน้อยลง ธุรกิจอย่างอื่นก็จะเจ๊ง”

เคยมีการศึกษามาแล้วในสหรัฐอเมริกานี่เอง ในบางรัฐที่อยากจะเอาอย่างลาสเวกัส ก็จะดึงได้เฉพาะคนในพื้นที่ในรัฐของตัวเอง ปรากฏว่า...กาสิโนไปได้ แต่ว่าธุรกิจรอบข้างเจ๊ง เพราะคนเปลี่ยนวิธีการใช้จ่าย แล้วถามว่ามันจะได้อะไร

...

และเราจะยังมีปัญหาที่ตามมาคือจะต้องดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดจากคนที่มีปัญหาการพนันกาสิโนในประเทศต่างๆที่เราเห็นว่าทำเงินเยอะ เพราะว่าศักยภาพเขาคือสามารถที่จะดึงนักท่องเที่ยวได้ และเมื่อนักท่องเที่ยวมาใช้จ่าย เงินก็จะตกในพื้นที่ของการใช้จ่ายตรงนั้น อาจจะเป็นเจ้าของกาสิโนหรืออะไรก็แล้วแต่

เราไม่เห็นปัญหาเหล่านั้นในพื้นที่ที่บอกว่ากาสิโนสร้างเงินเยอะแยะ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรื่องอย่างนี้ล้มเหลว สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือสุดท้ายคือ กาสิโนจะกลายเป็นบ่อนสำหรับคนในประเทศ แต่เศรษฐกิจจะเฟื่องฟูได้ยังไง ในเมื่อเอาเงินมาจ่ายในธุรกิจนี้ ไม่ได้เอาไปจ่ายอย่างอื่น...ก็จะยิ่งแย่ลงไป

รศ.ดร.นวลน้อย ย้ำว่า แค่เรื่องง่ายที่สุดอย่างขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เรายังต้องจ่ายเงินมากกว่า 80 บาท จัดการไม่ได้ หรือจะจัดการก็กังวลใจ ไปหมด มันหมายถึงอะไรล่ะที่จะจัดการปัญหาเรื่องพวกนี้แล้วมีข้อกังวลใจ นั่นนี่ตลอดเวลา

คือ...จัดการไม่ได้เพราะลูบหน้าปะจมูกหมด แล้วกรณีนี้จะไม่ยิ่งหนักกว่าหรือ

ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ...เทียบไม่ได้เลยกับที่ประเทศอื่นทำ อย่างสิงคโปร์ทำละเอียดมากกว่านั้นเยอะ หากว่าเราอยากไปดูตัวอย่าง ลองดูที่ญี่ปุ่น ตอนนี้ทุกคนก็อ้างว่าญี่ปุ่นก็จะมีกาสิโนแล้ว แต่ญี่ปุ่นศึกษามาเป็น 10 ปี ทำต่อเนื่องค่อยๆทำทีละสเต็ปจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน

พื้นที่ได้แล้วว่าจะเป็นพื้นที่ไหนคือเป็นพื้นที่เกาะ ไม่ได้อยู่ในเมือง เพราะกาสิโนในเมืองนี่อันตรายที่สุด เขาก็เลยเอากาสิโนไปไว้ข้างนอกเมือง และมีรายละเอียดว่าต้องทำอย่างไรต่อ กว่าจะเปิดเข้าใจว่าอีกสัก 5-6 ปีได้ เพราะเขารู้ว่าเรื่องพวกนี้อันตราย...ต้องทำด้วยความระมัดระวัง

“ส่วน...ของเรานี่โอ้โห เร่งด่วนจี๋มาก บอกว่าเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่เอนเตอร์เทนเมนต์เป็นอะไร มีเงื่อนไขอย่างไร ควรจะมีการกำหนดพื้นที่คร่าวๆ 100 กิโลเมตร จากสนามบินพอหรือเปล่า คือ...แทบไม่มีแผนเลย ผลดีผลเสียต้องศึกษาลงลึกในรายละเอียดอีกเยอะ”

สำนักข่าวชายขอบ” www.transbordernews.in.th ตั้งคำถามอีกว่า...หนึ่งในวาทกรรมที่มีการผลิตออกมาอธิบายกับสังคมคือ ในเมื่อคนไทยเล่นการพนันกันอยู่แล้ว ทำไมไม่เอาเงินมาไว้ในประเทศ คือ...ให้มาเล่น ในประเทศให้เงินหมุนเวียนได้เก็บภาษีในประเทศ อาจารย์มองอย่างไร?

“ดิฉันคิดว่าวาทกรรมอันนี้เป็นวาทกรรมที่ไม่รับผิดชอบ เพราะว่ารัฐก็ต้องมีหน้าที่จัดการ แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับกลายเป็นคนที่มีเอี่ยวกับเรื่องพวกนี้...รัฐไม่จัดการ มีกฎหมายให้ปราบแต่รัฐไม่ทำหน้าที่ แล้วก็มาอ้างว่า คนเล่นเยอะ เพราะฉะนั้นก็ปล่อยให้เล่นแล้วกัน” รศ.ดร.นวลน้อย ว่า

แต่เราก็จะเห็นว่ามีทั้งประเด็นในเรื่องของการที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับอะไรทั้งหลาย เราจะเห็นว่า “การพนันออนไลน์” ทำลายคน ขนาดไหน คือ เมื่อก่อนก็มีปัญหาอยู่แล้วในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปราม แต่พอเป็นออนไลน์ปุ๊บแล้วเจ้าหน้าที่เห็นช่องแล้วเข้าไปมีเอี่ยวนี่ทำลายสถาบันจริงๆ

ซึ่ง...สถาบันหมายถึงองค์กรอย่างตำรวจ

“เมื่อก่อนก็มีปัญหาเยอะนะที่เราวิจารณ์กัน แต่พอมาเจอเรื่อง พนันออนไลน์นี่เละเทะกันแทบทั้งองค์กร ดิฉันก็อยากเห็นตำรวจลุกขึ้น มาปกป้ององค์กรตัวเอง ต้องจัดการปัญหาที่บ้านให้หมดนะ ถ้าเราปล่อย ให้เป็นอย่างนี้คิดว่าเราเปิดกาสิโนขึ้นมาแล้วสุดท้ายจะอย่างไร”

...

สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรักษากติกาหรอก เพราะว่าทุกคนก็อาจจะคิดว่าไม่เป็นไรหรอก แม้แต่การที่จะกำหนดค่า fee (ค่าธรรมเนียม)ก็ไม่กำหนด การที่จะกำหนดหลายอย่างก็ไม่ทำเพราะกลัวคนไทยจะเข้าไปเล่นไม่ได้ ทั้งที่จริงๆแล้วประเทศทั้งหลายที่เปิดรอบบ้านเราก็ไม่ได้สนับสนุนให้คนในประเทศเล่นเลย...เขารู้ว่าอันตราย

มิติเมืองคู่แฝดอย่างกรณี “คิงส์โรมัน” กับ “เชียงแสน” สำหรับฝั่งเชียงแสนซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นลาวก็คงมีสถานะที่ต่างกัน แต่คิงส์โรมันก็มีปัญหาเยอะไม่ใช่ว่าจะไปได้ดีอะไรมาก

...เพราะที่จริงไปเปิดในลาว รัฐบาลลาวก็ไม่ได้สนับสนุนให้คน ของเขาไปเล่น แล้วจะเป็นคู่แฝดอย่างไร อีกอย่างการพัฒนาพื้นที่ในแถบนั้นพูดกันมานานมากแล้วว่าจะมีทุนจากประเทศอื่นๆเข้ามาลองทำโน่นทำนี่ แต่...สุดท้ายก็ไม่มีใครอยากมา

“เคยมีถึงขั้นที่เมื่อ 10 ปีก่อน บอกว่าทุนเกาหลีจะมาลงเพื่อทำให้ เป็นสถานที่ตากอากาศ ทำสนามกอล์ฟเป็นโน่นเป็นนี่ เพราะหลายพื้นที่สวย สามารถทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศอะไรได้ดี แต่สุดท้ายแล้วพอกาสิโนมา ทุกอย่าง...เจ๊งหมดเลย”

แม้แต่ที่สีหนุวิลล์ ซึ่งจริงๆเป็นสถานที่ตากอากาศที่ดี สามารถพัฒนาเป็นคู่แข่งกับพัทยาของเราได้เลยสบายๆ แต่พอไปโตกับกาสิโนแล้วเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ออกมาอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้

สมัยก่อนศึกษาเรื่องนี้ก็มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์พวกที่ทำกาสิโนในต่างประเทศเยอะแยะ สิ่งที่เขาต้องระวังมากที่สุดคือ “กาสิโน” เป็นกิจการที่ง่ายมากที่จะไปเกี่ยวข้องกับเรื่อง “สีเทา

...

ความง่ายในเรื่องนี้ทำให้แต่ละประเทศที่คิดจะทำต้องระมัดระวังมากๆ ที่จะไม่ให้มีเรื่องสีเทาเกิดขึ้น ถ้าสมมติว่าเราทำมันแบบง่ายๆ สีเทามันก็เข้าง่าย อันนี้แหละเป็นสิ่งที่ต้องระวัง

คำถามสุดท้าย...อาจารย์คิดว่าศักยภาพของผู้ประกอบการไทยมีความสามารถพอที่จะทำธุรกิจด้านนี้ไหม?

“ไม่แน่ใจเลย ดิฉันก็ไม่ได้รู้จักผู้ประกอบการเพราะว่าเขาอยู่ใต้ดิน เราจะไปรู้จักอะไรเขาได้ว่าศักยภาพจริงๆเขาเป็นอย่างไร แต่สิงคโปร์เขาใช้ต่างประเทศมาลงทุน ทุนข้ามชาติ เพราะเวลาเราศึกษาเยอะๆ ข้อมูล จะออกมาตรงที่ว่าถ้าให้ในประเทศทำเองจะโน้มเอียงไปสู่การที่ไม่ค่อยจะได้มาตรฐาน”

เพราะว่า...แง่ประสบการณ์หรือความคุ้นชินเดิมใกล้กับสีเทา หลายประเทศก็เลยต้องใช้บริษัทข้ามชาติแทน เพราะถ้ามีเรื่องเขาทำเสียชื่อก็จะเสียไปหมดทั้งโลก สุดท้าย...ก็เลยเป็นธุรกิจข้ามชาติเข้ามาทำ แล้วเงินก็ไหลไปไหนล่ะ ก็เลยยากเหมือนกัน.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม