หลังการประชุม ครม.วันอังคาร นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ได้แถลงผลการประชุม ครม.ถึงนโยบายการดึงบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนว่า ประเทศไทยมีความเหมาะสมในเรื่องการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ มีบริษัทชั้นนำของโลกสนใจลงทุนอย่างมากมาย แต่ยังรอความชัดเจนในมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมเรื่องให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงกับผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดพลังงานทดแทน หรือ Direct PPA ตนจึงสั่งการให้ กระทรวงพลังงาน เร่งหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในการกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเสนอต่อ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในเดือนมิถุนายนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
Data Center หรือ ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นศูนย์ที่ต้องใช้ไฟฟ้ามากเป็นพิเศษ ต้องเดินเครื่อง 24 ชั่วโมง Google ได้ตั้งเป้าให้บริษัท ช่วยลดโลกร้อนด้วยการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2030 เขาจึงต้องการใช้ ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาด เช่น แสงแดด สายลม และต้องการซื้อไฟฟ้าสะอาดโดยตรงกับผู้ผลิต เพื่อลดต้นทุนในระยะยาว
คุณชัย วัชรงค์ โฆษกสำนักนายกฯ ได้แถลงเพิ่มเติมว่า เอกชนที่ต้องการมาลงทุนในประเทศไทยด้าน Data Center ต้องการใช้พลังงานสะอาด ต้องการใบอนุญาตให้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง เป็นความต้องการของเอกชนระดับโลก ซึ่งระบุเงื่อนไขว่า Direct PPA เป็นเงื่อนไขที่สำคัญมาก ถ้าไม่ชัดเจนจะไม่มาลงทุน ดังนั้น ภายในต้นสัปดาห์หน้านายกฯมอบหมายให้ กระทรวงพลังงาน เร่งหารือกับ บีโอไอ เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสม เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ Google ต้องตัดสินใจลงทุนภายในสิ้นปีนี้ นายกฯเร่งมาก ต้องได้คำตอบที่ชัดเจน ถ้าทำเป็นการทั่วไปไม่ได้ให้ทำเป็น Sandbox ทดลองเป็นโปรเจกต์
...
การแถลงของ นายกฯเศรษฐา และโฆษกสำนักนายกฯ แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังล้าหลังมากในเรื่องกติการับการลงทุนจากต่างประเทศ 10 ปีในยุค คสช.ถือเป็น Lost Decade หนึ่งทศวรรษที่สูญหายไปของประเทศไทยจริงๆ เราไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลย แต่โลกก้าวหน้าไปไกลมาก เท่ากับประเทศไทยถูกทิ้งอยู่ข้างหลังเป็นสิบปี ในขณะที่นักปฏิวัติและนักการเมืองกลับพูดให้ประชาชนฟังรื่นหูทุกวัน เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่ทิ้งทั้งประเทศไทยเลย
รัฐบาลชุดปัจจุบัน นายกฯเศรษฐา ก็ทำตัวเป็น “เซลส์แมนประเทศไทย” ออกไปขายโปรเจกต์แลนด์บริดจ์ ชักชวนบริษัททั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ 9 เดือนผ่านไป ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีบริษัทไหนติดต่อเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเลย Google ก็บินข้ามหัวไป ลงทุน Data Center และ Cloud Region ที่มาเลเซีย มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ 72,000 ล้านบาท ไม่กี่วันก่อน ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ก็ไปประกาศ ลงทุนเพิ่มที่มาเลเซียอีก 10,000 ล้านริงกิต ประมาณ 2,130 ล้านดอลลาร์ กว่า 78,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้ง ศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในมาเลเซีย และ อัปเกรดขยาย Data Center ที่รัฐยะโฮร์ มาเลเซีย สะท้อนถึง “ความพร้อม” ของมาเลเซียในการ “รองรับการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติ” ในขณะที่ประเทศไทยไม่มีความพร้อมในเรื่องนี้
บริษัทต่างชาติ ที่ไปยื่นขอ การส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เพื่อยกเว้นภาษี ซึ่งรัฐบาลแถลงคุยโม้ว่า มีบริษัทต่างชาติมาขอรับส่งเสริมการลงทุนมากมายกว่า 8 แสนล้านบาท แต่ไม่มีใครลงทุนจริงเลย ขอไว้เผื่อเท่านั้น หลังการประชุม ครม.เศรษฐกิจ วันจันทร์ คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง แถลงเองว่า หากสามารถเร่งรัดให้ผู้ที่ได้บีโอไอลงทุนจริงในปีนี้สัก 3-4 หมื่นล้านบาท ก็จะช่วยให้จีดีพีขยายตัวได้ 0.14-0.15% เลยทีเดียว
นี่คือ ความจริงที่รัฐมนตรีคลังเปิดเผยให้คนไทยได้รู้ ตัวเลขการส่งเสริมการลงทุน 8 แสนล้านบาทที่รัฐบาลคุยโม้ ไม่ได้มีการลงทุนจริงตามที่ขอ ก็ต้องขอบคุณ Google ที่ตั้งเงื่อนไขการลงทุนในไทย ทำให้คนไทยหูตาสว่างขึ้น ผมหวังว่า นายกฯเศรษฐา จะสามารถแก้ไขเรื่องง่ายๆ เหล่านี้ให้สำเร็จ เพื่อพิสูจน์ว่า Google จะเข้ามาลงทุน Data Center ในไทยจริงหรือไม่ ถ้าทำสำเร็จ Google เข้ามาลงทุนจริง อาจมีบริษัทเทคยักษ์ใหญ่อื่นๆทยอยเข้ามาลงทุนในไทยตาม Google ก็ได้นะครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม