ทส.รวมพลังเครือข่ายป่าชุมชน น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ "ในหลวง ร.10" จัดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ "พัชรวาท" พร้อมสืบสานพระราชปณิธาน ด้านการส่งเสริมพัฒนาป่าไม้ ให้คนกับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนสืบไป

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เครือข่ายป่าชุมชนและองค์กรภาคีเครือข่าย เข้าร่วมงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ โดยมี นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวรายงานถึงที่มาและวัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้ ณ ห้องทศพร โรงแรมริมปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 พ.ค. 67

ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วยการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ในด้านการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างสมดุล เพื่อให้ป่าเป็นฐานทรัพยากรด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากป่าตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 คลินิกป่าชุมชนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายป่าชุมชน นิทรรศการผลผลิตผลิตภัณฑ์จากป่าชุมชน การเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้บทบาทเครือข่ายป่าชุมชน การมอบโล่เกียรติคุณผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน การมอบถ้วยรางวัล โล่ประกาศเกียรติคุณ เกียรติบัตร หนังสือชมเชย ให้กับเครือข่ายป่าชุมชนต้นแบบ ประจำปี พ.ศ. 2567 ภาคีภาคเอกชนที่สนับสนุนการพัฒนาป่าชุมชน การมอบอุปกรณ์ดับไฟป่าและมอบเช็คเงินอุดหนุนให้กับชุมชน พร้อมทั้งยังมีกิจกรรมการเดินรณรงค์กระตุ้นจิตสำนึก สร้างการรับรู้ "24 พฤษภาคม วันป่าชุมชนแห่งชาติ" จากโรงแรมริมปาว ไปถึงสวนสาธารณะกุดน้ำกิน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

...

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.2562 ในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 24 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันป่าชุมชนแห่งชาติ ทั้งนี้ พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายที่ส่งเสริมให้ชุมชนได้ร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ในรูปแบบของป่าชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถจัดการป่าชุมชน และได้ใช้ประโยชน์จากป่าชุมชน อันจะส่งผลให้ชุมชนดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ให้มีความสมบูรณ์และยั่งยืน

สำหรับการจัดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติในปีนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และเพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยจะสืบสานพระราชปณิธานในด้านการส่งเสริมพัฒนาป่าไม้ให้คนกับธรรมชาติอยู่ร่วมกัน เอื้อประโยชน์ต่อกันอย่างยั่งยืนสืบไป

ด้าน นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ได้ส่งเสริมให้ชุมชนที่อาศัยอยู่รอบๆ เขตป่าและบริเวณใกล้เคียง เข้ามามีบทบาทร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการร่วมกันบริหารจัดการ และใช้ประโยชน์จากป่าชุมชน ภายใต้ระเบียบกฎหมายที่กำหนด โดยน้อมนำพระราชดำริและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงให้ความสำคัญต่อป่าไม้ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลรักษาป่า ส่งผลให้รัฐบาล หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน ได้ร่วมกันปลูกและพื้นฟูป่า รวมทั้งมีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการดูแลรักษาป่าในรูปแบบของป่าชุมชน มีการส่งเสริมให้จัดตั้งป่าชุมชนตาม พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ. 2562 กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ จำนวน 12,430 แห่ง มีชุมชนที่มีส่วนร่วมดูแลอนุรักษ์และได้ใช้ประโยชน์กว่า 14,038 หมู่บ้าน รวมเนื้อที่ประมาณ 6.86 ล้านไร่ ซึ่งเป้าหมายการดำเนินการต่อไปนั้น จะส่งเสริมจัดตั้งป่าชุมชนให้ได้จำนวน 15,000 แห่ง และชุมชนมีส่วนร่วม 18,000 หมู่บ้าน รวมเนื้อที่ประมาณ 10 ล้านไร่

...

นายบรรณรักษ์ฯ กล่าวต่อว่า การจัดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 กรมป่าไม้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ในด้านการป่าไม้ของประเทศ จึงได้จัดงานวันนี้ขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างความเข้าใจ ในการบริหารจัดการของพี่น้องเครือข่ายป่าชุมชนและประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ภาครัฐและประชาชน ได้มีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญของป่าชุมชน และช่วยกันพิทักษ์รักษา ดูแล ฟื้นฟูป่าชุมชนให้คงอยู่เพื่อส่งต่อให้ลูกหลานต่อไป