ในงานเผาศพ คุณวรวิทย์ พ่อของบ๊อบบี้ อนุชาติ พิรุณธนาไพศาล อดีตสหายร่วมชายคาไทยรัฐ ที่วัดสุทธิฯ ยานนาวา เมื่อเย็น วันเสาร์ มีวงปี่พาทย์บรรเลงถ้อยทำนองเรื่อยเรียงๆ เสนาะนุ่มหู ต่างกว่าวงปี่พาทย์ที่ผมเคยฟัง
ความต่างยิ่งเห็นชัดเจน เมื่อเจ้าภาพแนะนำให้เห็นอาจารย์สุกรี เจริญสุข หัวหน้าวง
ผมนึกถึงนายวงศ์ รวมสุข หัวหน้าวงศ์ปี่พาทย์ ที่รับงานอยู่ตามวัดปากอ่าวแม่กลอง คุ้นหน้ามาตั้งแต่เด็กๆ มารู้เอาทีหลัง “ตาวง” ที่ เราเรียกๆกัน เก่งงานปี่พาทย์ลาดตะโพนทุกอย่าง กระทั่งหุ่นกระบอก
คนไทยรู้จักอาจารย์สุกรี ในฐานะอาจารย์ผู้ก่อตั้ง คณะในมหา วิทยาลัยมหิดลหลายสิบปีที่แล้ว ผมจำได้ว่า เคยยืนดูท่านเล่นริมถนนแถวๆสวนจตุจักร แล้วก็ตามดูทางทีวี
เปิดเจอวงซิมโฟนี่ ออร์เคสตรา (ไม่แน่ใจว่าเรียกชื่อถูก) ทางช่อง ไทยพีบีเอสเมื่อไหร่ เป็นต้องตามดูจนจบ
ผมไม่อยากเชื่อว่า งานนี้อาจารย์สุกรีมาตัวเป็นๆ
นึกถึงหลวงพ่อปัญญานันทะ ครับ...งานศพในวัดชลประทาน... ไม่มีดนตรีปี่พาทย์ ไม่มีพิธีเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำเกินจำเป็น กระทั่งพระสวด อภิธรรม ภาษาบาลีที่ฟังไม่รู้เรื่อง ก็ย่นย่อ เพราะท่านเน้นการเทศน์
แต่ก็เอาล่ะ...ในงานศพวัดทั่วๆไป จะมีดนตรีปี่พาทย์ โขน ละคร หรือฟ้อนรำ ระบำเต้น ตามใจเจ้าภาพ ตามใจคนตาย หรือตาม ธรรมเนียม บ้าง...เราก็ทำใจกันได้
งานศพอภิวัฒน์ โพธิสิทธิ์ เพื่อนผมอีกคน ราวสองเดือนที่แล้ว ระหว่างแขกๆถือไม้จันทน์เดินเข้าจุดไฟเผา มีเสียงขลุ่ยโหยละอ้อย จากปากครูธนิสร์ ศรีกลิ่นดี เป่า
ผมรู้สึกได้ นี่คือ สื่อลึกซึ้งถึงความอาลัยผู้ลาลับ...เป็นครั้งสุดท้าย
ครูธนิสร์บอกเพิ่งไปเป่าให้งานเพื่อนศิลปินที่วัดอีกแห่ง จึงได้ ความรู้ใหม่ ศิลปินด้วยกัน เขาใช้เสียงดนตรี สื่อความรู้สึกถึงกัน ได้ทั้งในยามเป็นยามตาย จากที่เคยงั้นๆ ก็หันมาศรัทธา
...
ทุกคนมีหน้าที่...ศิลปินจะใช้เสียงเพลง ทำหน้าที่ ดูมีคุณค่า และสื่อความหมายได้ ลึกซึ้งกว่า การถือไม้จันทน์ เดินหน้าเศร้าไปวางหน้าเตาเผา
ถึงเวลา...ลูกชายคนตาย เล่าเรื่องพ่อ...พ่อเก่งงานช่าง เคยไปโฟร์แมนคุมงานก่อสร้างซาอุฯ หาเงินมาเลี้ยงลูกสามคน ให้เข้าเรียน โรงเรียนดีๆ (อัสสัมชัญ)
“ยามขัดสน พ่อทุบกระปุกหยิบแบงก์ร้อยรุ่นเก่า...ออกมาบอกลูกๆ นี่เป็นค่าเทอม”
พ่อเข้มแข็ง ลูกเติบโตมาเข้มขลัง...บ๊อบบี้เล่า ถึงเวลาให้พ่อหยุดทำงาน ดูแลพ่อและแม่ให้อยู่ดีมีสุขต่อกันมาถึง 30 ปี พ่อแม่จูงมือเดินสวนลุมพินี ดีเด่นถึงขั้นถูกเลือกเป็นนายแบบนางแบบถ่ายภาพโฆษณามาแล้ว
เล่าตอนนี้ น้ำเสียงคนเล่าสะอื้น...แต่นี่คือ สาระงานศพแปลกใหม่ ที่ผมได้
แล้วก็ถึงเวลา มีเสียงประกาศ เชิญอาจารย์สุกรี หัวหน้าวงปี่พาทย์ ขึ้นเป็นประธานจุดไฟประชุมเพลิง
นี่คือเกียรติยศตามแบบไทยๆที่สังคมไทยแลกเปลี่ยนกันและกันอย่างงดงามและลงตัว
ประเด็นคิดที่ได้จากงานนี้...ทุกคนต่างมีหน้าที่...ลูกๆไม่แค่มีหน้าที่จัดงานศพพ่อให้สมฐานะเท่านั้น แต่หน้าที่สำคัญ ก็คือการเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณท่าน...
ผมเชื่อว่า ลูกๆหลายคน รวมผมคนหนึ่ง ฟังเรื่องนี้แล้ว ก็ใจหาย ที่มักไม่มีโอกาสนี้
ประเด็นต่อมา...อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี เป่าขลุ่ยสื่อความอาลัย หรืออาจารย์สุกรี นำวงปี่พาทย์...มาขับกล่อมช่วยให้งานเศร้า ไม่เศร้าไม่เงียบเหงาและมีสีสัน ผมเห็นว่า เป็นค่านิยมแห่งยุคสมัย...
หากเรารู้จักหน้าที่ ต่างมีหน้าที่ที่สอดประสาน งานศพก็ไม่น่าจะเป็นงานเศร้าอีกต่อไป.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม