นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2566 ถึงปัจจุบันว่า สถานการณ์การระบาดในประเทศไทย ปัจจุบันพบไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H3N2) มากที่สุดคิดเป็น 41.14% รองลงมาคือไข้หวัดใหญ่ชนิด B (Victoria) 39.64% และไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 (pdm09) มีสัดส่วน 19.22% ซึ่งเมื่อวิเคราะห์สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยพบว่า สายพันธุ์ A (H3N2) และ B มีความใกล้เคียงกับสายพันธุ์วัคซีนทั้งจากซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ สำหรับวัคซีนที่ใช้ทางซีกโลกเหนือจะผลิตและจำหน่ายในตลาดโลก ประมาณเดือน ส.ค. และจะนำเข้าประเทศไทยเดือน ก.ย.2567 ดังนั้น ผู้ที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งแนะนำฉีดก่อนเข้าฤดูฝนจึงต้องใช้วัคซีนทางซีกโลกใต้ ซึ่งป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบในประเทศไทยถึง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A (H3N2) และ B ส่วน A (H1N1) อาจมีภูมิคุ้มกันป้องกันข้ามสายพันธุ์ได้บ้าง

นพ.ยงยศกล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์ตำแหน่งการกลายพันธุ์บนยีนของเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบในประเทศไทย ยังไม่พบยีนบ่งชี้การดื้อยาของเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H3 และชนิด B ส่วนเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 (pdm09)พบยีนบ่งชี้การดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ที่ตำแหน่ง H275Y จำนวน 1 สายพันธุ์ คิดเป็นอัตราการดื้อยาร้อยละ 0.39 ขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี ควบคู่กับการป้องกันตนเอง.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่