ขออนุญาตนำบทความจาก บีบีซี เล่าถึงความสูญเสียของครอบครัว โอฬารรัตน์มณี ที่มีสาเหตุมาจาก ฝุ่นละอองพิษ PM 2.5 เป็นกรณีศึกษา ถึงนโยบายและความรับผิดชอบของ ผู้บริหารประเทศ ที่สมควรจะมีการผูกมัดและสำนึกถึงหน้าที่ ทั้งในด้านจริยธรรมและนิติธรรมแค่ไหน

ศ.ดร.ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมาด้วยวัย 55 ปี จากโรคมะเร็งปอดระยะที่ 4 ผลวินิจฉัยทางการแพทย์ เกิดจากยีนกลายพันธุ์ที่เป็นผลมาจาก PM 2.5 ถือเป็นบุคลากรคนที่ 4 ของ มช.ที่ต้องจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคมะเร็งปอดอย่าง น่าเสียดาย

ศ.ดร.ระวิวรรณ จบการศึกษาปริญญาโทจากสหรัฐฯ จบปริญญาเอกจากอังกฤษ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นทรัพยากรมนุษย์ของประเทศที่มีคุณค่ามาก

อาการเริ่มจากไอค่อนข้างรุนแรงขึ้น จนไอเป็นเลือด ทำ CT Scan พบว่าเป็นมะเร็งที่ปอด ระยะที่ 4 ทันที ทั้งๆที่มีการตรวจสุขภาพทุกปี ไม่สูบบุหรี่ รับประทานอาหารคลีน ชอบออกกำลังกาย เล่นโยคะ วิ่ง

การสูญเสียของครอบครัว โอฬารรัตน์มณี ถือเป็นความเจ็บปวดที่สุดของครอบครัว เป็นการสูญเสียที่ไม่ควรจะสูญเสีย ถ้ามีการเอาจริง เอาจังกับ ฝุ่นพิษและสิ่งแวดล้อม แค่การ ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ยังไม่กล้าประกาศ รัฐ กระทรวงมหาดไทย อ้างเหตุผลทางวัตถุ มากกว่าที่จะเห็น ความสำคัญของชีวิตมนุษย์ และปราศจากความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง

แต่ใช้เป็นข้ออ้างสร้างผลงาน ผักชีโรยหน้า สร้างภาพเปลี่ยนเป็นคะแนนนิยมทางการเมือง แก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าขอไปที ประเทศไทยประกาศจะผลักดันให้เป็น ศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค นี้ เป็นศูนย์กลางการคมนาคม แต่ เชียงใหม่ มีฝุ่นละอองพิษ ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก นักท่องเที่ยวที่ไหนอยากจะมาดมฝุ่นพิษ นโยบายรัฐบาลมักสวนทางกับความจริง และความเป็นไปได้เสมอ

...

การเสียชีวิตของ คณบดีสถาปัตย์ ม.เชียงใหม่ เป็นการตายจากมะเร็งปอด ที่ไม่ยุติธรรม ที่ต่างจากการเติบโตของทุนผูกขาด ทุนสีเทา และไม่เป็นความยุติธรรมสำหรับคนเชียงใหม่ คนไทยอีกนับสิบล้านคน ที่ต้องรับกรรมจากความมักง่ายของ นายทุน ที่ใช้ชีวิตคนไทยเป็นเดิมพัน

การเผาป่า การทำเกษตร ในประเทศเพื่อนบ้าน นายทุนเป็นใคร คงไม่ต้องอธิบายให้เมื่อยตุ้ม รัฐบาลก็รู้ นักการเมืองก็รู้ ข้าราชการก็รู้ แต่ไม่ลงมือดำเนินการใดๆ เพราะเกรงจะเสียประโยชน์ ที่ไม่ต่างจากกรณีหมูเถื่อน ไก่เถื่อน สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครอีก เพราะมันทารุณ การต้องมาตายเพราะฝุ่น PM 2.5 มันเหมือนการตายที่ไร้ค่า” เป็นคำขอจากครอบครัวของผู้สูญเสีย ที่ไม่ต่างจากการระบายความในใจเท่านั้น ใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป

ว้าเหว่.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม