จากการนำร่องดำเนินการใน 3 พื้นที่ เมื่อปี พ.ศ. 2566 ในปี 2567 กลุ่มบริษัทกัลฟ์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในพลังทางสังคม เพื่อช่วยพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต แก่ประชาชนในถิ่นทุรกันดาร โดยระบบโซลาร์เซลล์ “พลังงานสะอาด”
บ้านมอโก้โพคี เป็นหมู่บ้านที่อยู่บนภูเขา ประกอบด้วย 6 หย่อมบ้าน มีประชากรกว่า 1,200 คน เป็นชาวปกาเกอะญอ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ภายในหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงโชลาร์เซลล์แผงเล็กๆ ให้แสงสว่างและชาร์จแบตเตอรี่ รวมถึงโทรศัพท์มือถือ
กว่า 20 ปีแล้ว ที่ชาวมอโก้โพคี ได้รับการส่งเสริมให้ริเริ่มปลูกกาแฟเพื่อรักษาป่า แต่รายได้ไม่คงที่ ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเริ่มถอนตัวหันไปปลูกข้าวโพด และขยายวงกว้างไปสู่พื้นที่ภูเขาในหมู่บ้าน เมื่อข้าวโพดสามารถสร้างรายได้ได้รวดเร็วกว่าและมีรายได้ที่แน่นอนกว่า ส่งผลให้มีการตัดต้นไม้ขยายเป็นวงกว้าง และหันไปปลูกพืชที่ได้ผลผลิตเร็ว
ในระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนเป็นไร่ข้าวโพดจำนวนมาก ส่งผลให้พื้นที่ป่าลดน้อยลง แต่การปลูกข้าวโพดนั้น นำมาซึ่งการใช้สารเคมี และการเผาไร่ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตามมา
ปัจจุบัน ผู้ใหญ่บ้านชาญชัย ทรัพย์ประมาณ ได้สานต่อแนวทางการปลูกกาแฟเพื่อรักษาป่าอย่างจริงจัง โดยเริ่มชักชวนชาวบ้านมาให้ความสำคัญกับการปลูกกาแฟเพื่อรักษาป่า จากการนำร่องปลูกกาแฟในพื้นที่ตัวเอง เพื่อสร้างเป็นพื้นที่ต้นแบบ พร้อมทั้งขยายการปลูกกาแฟ เพื่อลดการทำลายป่าไปสู่ลูกบ้าน จำนวน 32 หลังคาเรือน เป็นพื้นที่กว่า 200 ไร่
ทั้งนี้ทั้งนั้น การปลูกกาแฟเพื่อรักษาป่าเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่เพียงพอต่อคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ และปากท้องของชาวบ้าน จึงจำเป็นต้องสร้างรายได้จากการปลูกกาแฟให้เป็นตัวอย่าง เพื่อเปลี่ยนมุมมองของชาวบ้าน
กลุ่มบริษัทกัลฟ์ ได้เข้ามามีส่วนช่วยในการสร้างโรงเรือนสำหรับการผลิตเมล็ดกาแฟรักษาป่า และติดตั้งระบบโซลลาร์เซลล์ เพื่อให้กระบวนการล้างทำความสะอาด คัดแยก และสีกาแฟ มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยการใช้พลังงานสะอาด สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นในการปลูกกาแฟมากขึ้น เมื่อมีแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ นั่นหมายถึงโอกาสที่จะสร้างรายได้แก่ชุมชน และในอนาคตชุมชนจะพัฒนาไปสู่การแปรรูปกาแฟด้วยตนเอง นับว่าเป็นช่องทางการสร้างอาชีพและการรักษาป่าควบคู่กันอย่างยั่งยืน