ทีมงาน “รองโจ๊ก” เดินเกมบุกเป็นชุดคดีถูกกล่าวหาพัวพันเว็บพนันออนไลน์ เริ่มแต่เช้าที่ สน.เตาปูน “รองคริษฐ์” ลูกน้องคนสนิท บุกแจ้งเอาผิด 157 น.1 “บิ๊กเจ้า” เผยตามหมายแจ้งสื่อ ซัดเป็นอินทรีเลือกเหยื่อจงใจเอาผิดเฉพาะบุคคล ไล่เลี่ยกันทีมทนายบิ๊กโจ๊กตามสมทบยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมระบุคดีเว็บ BNK Master ไม่อยู่ในอำนาจการสอบสวนของตำรวจเพราะอยู่ในมือ ป.ป.ช.แล้ว แฉกั๊กไม่แจ้ง 157 เพราะต้องการให้คดีอยู่กับตำรวจ ไม่เท่านั้นยังส่งทนายอีกทีมยื่นหนังสือจี้ รรท.ผบ.ตร.ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องไป ป.ป.ช. ด้าน “ทนายตั้ม” มาตามนัดหอบหลักฐานแจ้งตำรวจเตาปูนดำเนินคดี “บิ๊กต่อ” และภรรยา รวมถึงบัญชีม้าอีก 2 ราย ร่วมกันฟอกเงิน ลั่นคุ้ยเส้นเงินต่อ

กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ออกมาแฉเส้นทางการเงินบัญชีม้าเว็บพนันเกี่ยวพันตำรวจคนสนิท พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.พบการโอนเงินไปยังกลุ่มเครือญาติ โดยทนายตั้มได้ยื่นหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ บก.ปปป.และเตรียมจะเข้าแจ้งความ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และภรรยา รวมทั้ง 2 บัญชีม้าเว็บพนันในข้อหาร่วมกันฟอกเงินที่ สน.เตาปูน ในวันจันทร์ที่ 1 เม.ย.ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

“รองคริษฐ์” แจ้ง “บิ๊กเจ้า” ผิด ม.157

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 เม.ย.ที่ สน.เตาปูน พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีตรอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ ลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้าแจ้งความเอาผิด พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนัน BNK Master ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ม.157 โดยตามหมายที่แจ้งสื่อระบุว่า เป็นอินทรีเลือกเหยื่อ ยันเส้นทางการเงินปรากฏตั้งแต่แรก แต่ไม่ดำเนินคดี บิ๊ก ตร. และพวกพ้อง จงใจเอาผิดเฉพาะบุคคล

...

“ทนายโจ๊ก” ขู่เอาผิด พงส.คดีเว็บ BNK

ต่อมาเวลา 09.00 น. วันที่ 1 เม.ย.ที่ สน.เตาปูน นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ทนายความ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เข้าขอความเป็นธรรม เนื่องจากคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master อยู่ในมือดีเอสไอและ ป.ป.ช.แล้ว ทำให้พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ไม่มีอำนาจสอบสวนรวมไปถึงไม่มีอำนาจออกหมายเรียกและหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในคดีเว็บพนัน BNK Master พร้อมจะเอาผิดคณะพนักงานสอบสวนเพราะทำให้ลูกความได้รับความเสียหาย

ชี้คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจตำรวจ

นายณัฐวิชช์ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มอบอำนาจให้มายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.สุรเดช ฉัตรไทย ผกก. สน.เตาปูน ให้ทราบข้อเท็จจริงว่าคดี BNK Master ไม่อยู่ในอำนาจการสอบสวนของ สน.เตาปูน เพราะคดีนี้อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช. ไม่ชอบที่จะมีการออกหมายเรียกหรือถึงขั้นออกหมายจับตามข่าว จากข้อกล่าวหาที่ว่ามีเส้นเงินเว็บพนัน BNK Master ถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และภรรยาไม่เป็นความจริงไม่ปรากฏเส้นเงินตามที่กล่าวหา แต่ที่เอามาดำเนินคดีเพราะอ้างว่ามีเส้นเงินเชื่อมโยงถึง พ.ต.ท.คริษฐ์ เป็นเรื่องในคดีเว็บพนันมินนี่ แต่นำมาดำเนินคดีอีกครั้งที่ สน.เตาปูน อ้างว่าเชื่อมโยงถึงคดีเว็บพนัน BNK Master ทั้งที่ความจริง คดีเว็บพนันมินนี่อยู่ในมือ ป.ป.ช. แล้วตั้งแต่ 4 มี.ค.

แฉเหตุแจ้งฟอกเงินแต่ไม่แจ้ง 157

ทนายความ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า ทว่า ผบช.น. ตั้งคณะพนักงานสอบสวนมาดำเนินคดีที่ สน.เตาปูน โดยนำพยานหลักฐานเดิมคดีมินนี่มาใช้กล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทั้งที่เส้นเงินทั้งสองคดีไม่มีส่วนไหนเชื่อมถึงแม้แต่น้อย ซึ่งที่ สน.เตาปูน ในคดี BNK Master เป็นการกล่าวหาฟอกเงินกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในข้อเท็จจริงหาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ทราบว่าลูกน้องท่านมีส่วนรับเงินพัวพันเว็บพนันออนไลน์ ท่านต้องถูกดำเนินคดีตาม ม.149 และ 157 ด้วย แต่ทำไมที่ สน.เตาปูน ถึงแจ้งเฉพาะข้อหาฟอกเงินไม่แจ้งข้อหา ม.157 เพื่อที่คดีนี้จะอยู่ในมือของตำรวจ ไม่ส่งไปถึง ป.ป.ช. เหมือนคดีเว็บพนันมินนี่ที่แจ้งข้อหา ม.157 ด้วย จนทำให้สำนวนคดีเข้าสู่อำนาจของ ป.ป.ช.เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ ที่แจ้งเพียงข้อหาฟอกเงินเท่านั้น ทำไมไม่แจ้งข้อหา ม.149 กับ 157 ยืนยันว่า ไม่ใช่แค่เรื่องฟอกเงินอย่างเดียวเท่านั้น ต้องมีเรื่องมาตรา 149 กับ 157 ที่ท้องที่นี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือ พ.ต.ท.คริษฐ์ ทั้งที่มีข้อเท็จจริงว่าก่อนหน้านี้ มีตำรวจสืบสวนภูธร จ.สงขลา มาแจ้งความเพิ่ม พ.ต.ท.คริษฐ์ ตาม ม.149 และ 157 แต่ทำไมไม่แจ้งข้อหาดังกล่าว

ซัดเลือกปฏิบัติจ้องเอาผิด “รองโจ๊ก”

นายณัฐวิชช์ตั้งข้อสังเกตว่า คดีเว็บพนัน BNK Master แจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.เตาปูน ตั้งแต่ 3 ธ.ค.66 ตามกฎหมาย ป.ป.ช. หากเป็นความผิดเจ้าหน้าที่ระดับสูงถึงรอง ผบ.ตร. คดีอยู่ในอำนาจ ป.ป.ช. ไม่ใช่พนักงานสอบสวนตามปกติมีเพียงแค่อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นก่อนส่งให้ ป.ป.ช.ใน 30 วัน ตั้งแต่ 3 ธ.ค.66 จนถึงวันนี้กว่า 120 วันแล้ว ไม่ปรากฏการส่งเรื่องถึง ป.ป.ช.ย้ำว่าตำรวจไม่มีอำนาจออกหมายเรียกใดๆกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติเพื่อเอาผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะเส้นทางการเงินของนางพิมวิไลในคดีเว็บพนัน BNK Master โยงไปถึงนายตำรวจระดับสูงรายอื่นๆอีก แต่ทำไมดำเนินคดีเฉพาะเส้นเงินที่โยงไปถึง พ.ต.ท.คริษฐ์ แล้วเส้นเงินอื่นๆมีการออกหมายเรียกดำเนินคดีแล้วหรือยัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่เคยได้รับหมายเรียกสักครั้ง ทำไมถึงออกหมายเรียกตามที่ปรากฏในข่าวถี่เกินไปทั้งที่ควรเว้นไว้สัก 15 วัน แต่นี่ไม่ถึง 10 วันก็ออกใหม่เรียกครั้งที่ 2 แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ

...

“โจ๊ก” ส่งอีกทีมยื่นหนังสือจี้ “รองต่าย”

ไล่เลี่ยกัน ที่ ตร. นายณัฐกร โตสกุล ทนายความรับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร.ขอให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาตามกฎหมายมี พ.ต.อ.ณัฏฐ์ บุรณศิริ รอง ผบก.พฐก.ในฐานะเวรอำนวยการเป็นผู้รับหนังสือ นายณัฐกรกล่าวว่า คดีที่ สน.เตาปูนดำเนินคดีกันอยู่ขณะนี้มีพนักงานสอบสวนที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ 58/2567 เป็นคดีอาญาที่ 391 ของ สน.เตาปูน สอบสวนโดยที่ไม่มีอำนาจ เนื่องจากคดีหลักเดิมเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช.การมายื่นหนังสือวันนี้เพื่อแจ้งไปยัง รรท.ผบ.ตร.ให้มีคำสั่งถึงพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ ให้ส่งเรื่องไป ป.ป.ช. มีหลักฐานสนับสนุนคือเมื่อวันที่ 30 มี.ค.67 กรมสอบสวนคดีพิเศษมีเอกสารเผยแพร่ข่าวว่า ดีเอสไอมีความเห็นคดีนี้น่าจะอยู่ในอำนาจ ป.ป.ช.และมีหนังสือสอบถามไปว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร หาก ป.ป.ช.มีมติไม่รับและส่งเรื่องกลับมา ดีเอสไอจะดำเนินการไปตามหน้าที่และอำนาจ

“ทนายตั้ม” มาตามนัดแจ้งผิด “บิ๊กต่อ”

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมายัง สน.เตาปูน เข้าแจ้ง ความดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และภรรยา กับบัญชีม้าอีก 2 คน รวม 4 คน ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินพร้อมนำพยานหลักฐานมอบให้ด้วย ก่อนเผยว่า พยานหลักฐานที่นำมาในวันนี้เป็นชุดเดียวกันกับที่ไปยื่นให้กับ ป.ป.ป. 175 แผ่น ส่วนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถอนแจ้งหมิ่นประมาทตน อาจเพราะกลัวว่าตนต้องไปขอเอกสารเส้นทางการเงินจากธนาคารของเครือญาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์

...

ย้ำไม่แจ้ง 157 เพราะกลัวถูกส่ง ป.ป.ช.

ทนายตั้มกล่าวต่อว่า วันนี้จะไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอคัดคำฟ้องตรวจสอบว่าในคำฟ้องมีการกล่าวหาที่เป็นเท็จกับตนหรือไม่ ได้ขอเลื่อนการเข้ายื่นเอกสารต่อนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จากช่วงบ่ายวันนี้เป็นวันพุธที่ 3 เม.ย. เนื่องจากนายชัยธวัชติดราชการ ส่วนเวลาจะแจ้งให้ทราบภายหลัง สำหรับวันนี้ที่ยังไม่แจ้งความใน ม.157 เพราะเกรงว่าสำนวนคดีจะถูกส่งไปยัง ป.ป.ช. และการมาดำเนินคดีครั้งนี้ เป็นการแจ้งความในฐานะตนเอง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น ในส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะดำเนินคดีอย่างไรผ่าน ป.ป.ช. ก็เป็นส่วนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เอง

ขู่ พงส.ละเว้นจะดำเนินคดีด้วย

นายษิทรากล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน หลังจากที่เมื่อวานนี้ให้การกับตำรวจ ป.ป.ป. แล้ว คาดว่าน่าจะมีการออกหมายเรียกพยานในคดีมาให้การเพิ่มเติมภายในวันพุธหรือพฤหัสบดีนี้ ไม่ว่าจะเป็นนางพิมวิไลหรือบุคคลอื่นๆจะติดตามการดำเนินคดีไปให้ถึงที่สุด หากมีพยานหลักฐานใหม่ก็จะนำเข้ามาสู่กระบวนการ รวมทั้งจะติดตามการทำงานของพนักงานสอบสวนว่าทำตามในสิ่งที่ควรจะทำหรือไม่ ถ้าพนักงานสอบสวนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จะดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนต่อไปด้วย เพราะถือว่าตนคิดดีแล้วว่าจะทำสิ่งนี้และมีพยานหลักฐานที่มั่นใจเพียงพอได้ว่า ผบ.ตร.มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้จริง ตนมั่นใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนคดีนี้ไม่มากนัก แต่หลังจากนี้จะทำคำให้การยื่นประเด็นให้พนักงานสอบสวนนำไปสอบสวนในประเด็นใดบ้าง

...

อวยฝ่ายค้านเหน็บเศรษฐา

ทนายตั้มกล่าวต่อว่า อยากตั้งคำถามไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าทำไมยังนิ่งเฉยกับการที่ ผบ.ตร.ถูกตั้งคำถามข้อสงสัยในเรื่องฟอกเงิน เชื่อว่าหากตนยื่นเอกสารไปยังนายกรัฐมนตรี น่าจะถูกเพิกเฉยวางซองไว้บนโต๊ะไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้มีเพียงแต่ฝ่ายค้านเท่านั้นที่ติดต่อขอข้อมูลและให้ความสนใจในประเด็นที่เกิดขึ้นรู้สึกอุ่นใจที่ฝ่ายค้านลงมาให้ความสำคัญเพราะถือเป็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันที่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ

ลุยต่อเส้นเงิน ผบ.ตร.-เครือญาติ

นายษิทรากล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะยังคงตรวจสอบเส้นทางการเงินของ ผบ.ตร.และเครือญาติต่อไปโดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่บริจาคทำบุญตามวัดต่างๆตอนนี้มีคนแจ้งข่าวมาว่า มีการบริจาคให้อีก 2-3 วัด ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะพบการโอนผิดปกติหลายครั้ง พฤติการณ์คล้ายคลึงกับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีที่เปิดโปงไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังพบเส้นทางการเงินที่ให้เงินแก่คนในครอบครัวเป็นรายเดือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมปราบปรามผู้ทำความผิด ส่วนสาเหตุที่เลือกแจ้งความที่ สน.เตาปูน เนื่องจากสถานีตำรวจแห่งนี้รับทำคดีเว็บพนัน BNK Master เชื่อว่าน่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ในระดับหนึ่งที่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินสายอื่นๆได้อยากให้ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดก่อน แม้ว่าถ้าคดีเว็บพนัน BNK Master ถึง ป.ป.ช. เมื่อไหร่ รู้สึกอุ่นใจมากกว่า แต่กังวลว่าอาจจะทำงานช้ากว่าการทำงานของตำรวจ

นัด “เรวัช” ตรวจสอบวินัยตำรวจ

ทนายตั้มกล่าวต่อว่า ยอมรับว่ากลัวในเรื่องของความปลอดภัย เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครมาดูแลเรื่องความปลอดภัยของตน มีแต่ผู้นำฝ่ายค้านที่มาถามห่วงใย ช่วงนี้ก็ต้องดูแลตัวเองไปก่อน แต่ไม่ถึงขั้นเอาตำรวจมาดูแล ไม่จำเป็นเพราะยิ่งตำรวจมาดูแลตนยิ่งกลัว จากนี้เป็นไปได้จะยื่นอีกหลายหน่วยงาน เช่น ปปง.เพื่อให้รัฐบาลได้ตรวจสอบและลงมาเห็นเรื่องนี้จริงจัง หากภาครัฐไม่สนใจไยดีก็ต้องเดินเรื่องด้วยตัวเอง ซึ่งในวันพุธนี้นัดหมายที่จะยื่นให้ตรวจสอบวินัยตำรวจกับ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อีกด้วย

“บิ๊กโจ๊ก” เลื่อนเข้า ก.พ.ร.

ส่วนบรรยากาศที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.) หลังจากมีรายงานข่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะเข้ามายังสำนักงาน ก.พ.ร. สถานที่ทำงานหลังถูกย้ายมาช่วยราชการชั่วคราวที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะเข้ามาเป็นประธานในการประชุมแก้ปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ ที่ยังคงปักหลักชุมนุมที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในเวลา 09.30 น. วันที่ 1 เม.ย. ทั้งนี้ก่อนถึงเวลาประชุมผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ ไปสอบถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ว่าจะเข้ามาประชุมในเวลาดังกล่าวหรือไม่ ปรากฏว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์แจ้งว่า ยังติดประชุมอีกสถานที่หนึ่ง ขอเลื่อนการประชุมกับกลุ่มพีมูฟไปเป็นเวลา 15.30 น. ยืนยันว่าจะเข้ามาในเวลาดังกล่าวอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่าในวันนี้พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน จะเข้ามายังอาคารสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อนำหมายเรียกในคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master เป็นหมายเรียกครั้งที่ 3 ยื่นต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ด้วย

“บิ๊กโจ๊ก” ปิดปากโบ้ยทนายตอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการประชุมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ตึก ก.พ.หลังเก่า ถนนพิษณุโลก ในเวลา 15.30 น. แต่เมื่อถึงเวลาได้เปลี่ยนใช้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นที่ประชุมแทน ต่อมาเวลา 15.46 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินออกจากห้องประชุมให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆถึงกรณีการออกหมายเรียกครั้งที่ 3 ว่า ไม่ตอบ ให้ทนายตอบไปวันนี้มาทำงานก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการรับรู้หมายเรียกดังกล่าวแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามย้ำว่าอย่างนี้จะไปรายงานตัวหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังคงไม่ยอมตอบคำถาม กล่าวเพียงว่า ขอทำงานก่อน เมื่อถามอีกว่ากังวลเรื่องหมายจับหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า “ก็ให้ทนายเขาว่าไป”

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่