ในสามก๊ก สุมาอี้เป็นเจ้าตำรับ “ป่วยการเมือง” ใช้ได้ผลถึงขั้น พลิกแผ่นดิน จากราชวงศ์โจโฉ มาเป็นของตระกูล “สุมา” แล้วกลป่วยการเมือง ก็ใช้กันต่อๆมา

มาถึงสมัยราชวงศ์เป่ยเว่ย กลป่วยการเมืองยังขลังไม่พอ

ในช่วงเวลาของฮ่องเต้เซี่ยวจวง แห่งราชวงศ์เป่ยเว่ย พระเชษฐา หยวนกง ทรงมีพระวรกายงามสง่า ราศีสูง รวมกับเคยรับตำแหน่งสำคัญในราชสำนักมานาน...จึงถูกหมายตา เป็นตัวเลือกสำคัญ หากการเมืองเปลี่ยน

สิ่งบอกเหตุ หยวนชา ขุนนางใหญ่ตั้งกลุ่มก๊วนรวบอำนาจ เบียดขับผลักไสผู้มีความเห็นต่าง ไม่แค่ขุนนางผู้ใหญ่ถูกปองร้าย ในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ก็ยังปัดแข้งปัดขา ใส่ร้ายแย่งชิงอำนาจกันเอง

พระเชษฐาหยวนกง แม้ลึกๆทรงมีพระทัยทะเยอทะยาน แต่ความเป็นคนคิดอ่านลึกซึ้งระวังระไว จึงเริ่มทรงใช้ทุกวิธี เพื่อเอาตัวรอด ทรงตัดสินพระทัยใช้วิธีที่ใครๆก็ใช้ คือป่วยการเมือง

เมื่อใครมาถามไถ่เรื่องราชการงานเมือง ก็ทรงบ่ายเบี่ยง แต่กระนั้น กระบวนการรุมเร้ายังตามมา ทรงแสร้งป่วยนาน ทำทีอาการเรื้อรัง แต่ก็ทรงวิตกจะพลั้งปาก...

ในที่สุด ทรงใช้แผนสุดท้าย ป่วยหนักจนพูดไม่ได้

เล่นบทใบ้ทางการเมืองแล้ว แต่ก็ยังทรงตามสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอยู่ห่างๆ

แต่กระนั้น บทพระเชษฐาใบ้ ก็ยังแนบเนียนไม่พอ วันเวลาผ่านไป 8 ปี ข่าวเล็ดรอดออกไป...ปลายหย่งอานศก (ค.ศ.529) มีคนไม่หวังดีทำฎีกาถวายฮ่องเต้เซี่ยวจวงว่า “หยวนกง”  แสร้งใบ้ เอาใจออกห่าง

แรกๆฮ่องเต้ ก็ไม่ทรงเชื่อ ส่งคนออกสืบข่าว เพียงแต่มีข่าวราษฎรเล่าลือว่าพระเชษฐา มีราศีฮ่องเต้ หยวนกงระวังตัวกลัวภัยอยู่แล้ว ก็รีบหนีไปลี้ภัยไกลถึงเมืองชั่งลั่ว (อำเภอซัง มณฑลส่านซี ปัจจุบัน) ซ่อนตัวอยู่บนภูเขา

...

เจ้าเมืองลั่วโจว ส่งคนไปจับตัวไปส่งเมืองหลวง ขังอยู่หลายวัน สอบแล้วไม่พบวี่แววร่วมมือกับใคร วางแผนก่อกบฏที่ไหน ฮ่องเต้ก็สั่งปล่อยตัวกลับตำหนัก

คืนหนึ่ง พระเชษฐาบรรทมหลับ ก็มีผู้ร้ายบุกเข้าไปขโมยของถึงในห้อง พระเชษฐาตื่น โจรทำท่ายกดาบจะฆ่า หยวนกงยังเล่นบท “ใบ้”...ไม่ปริปากร้องขอชีวิต

ท่าทีหวาดกลัวสุดขีด โบกไม้โบกมือ ส่ายศีรษะไปมา ชี้นิ้วไปที่ปาก

ผู้ร้าย แท้จริงฮ่องเต้ส่งมาทดสอบ พระเชษฐาใบ้จริงหรือใบ้การเมือง...ก็ไม่ทำอะไร

นับแต่นั้น ทั้งฮ่องเต้ และหลายๆฝ่ายในเวทีการเมือง ก็ปล่อยวาง ปล่อยพระเชษฐาอยู่ตามสบาย

ฤดูใบไม้ร่วง ปีต่อมา เอ่อจู่ซื่อหลง และเอ่อจู่เจ้า ขุนนางทรงอำนาจ จับมือกันประกาศตัวเป็นกบฏ ปลายปีก็ยกทัพตีเมืองหลวง ปลงพระชนต์ฮ่องเต้เซี่ยวจวง และรัชทายาท ประกาศชื่อเจ้าพระยาฉางก่วง เป็นฮ่องเต้

แต่เกิดปัญหา เจ้าพระยาฉางก่วง ไม่เป็นเชื้อพระวงศ์ ไม่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ เอ่อจู่ซื่อหลง ต้องถอดออกจากตำแหน่งฮ่องเต้ แต่ก็หาผู้เหมาะสมไม่ได้ เพราะพระบรมวงศานุวงศ์องค์ที่อยู่ในข่าย เข่นฆ่ากันตายไม่มีเหลือ

ถึงเวลานั้น พระเชษฐา หยวนกง จึงทรงเป็นผู้ถูกเลือกพระองค์เดียว

แต่ติดปัญหาว่า ทรงเป็นใบ้...จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้หรือไม่?

สถานการณ์สุกงอม...ถึงขั้นนั้น พระเชษฐาก็หายป่วย หายเป็นใบ้ ขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ได้อย่างสง่างาม โดยไม่ต้องหวาดระแวงแคลงใจใครหน้าไหนต่อไปอีก

เรื่องที่อ่านมาทั้งหมดนี้ อยู่ในหนังสือ งำประกาย กโลบายไร้ผู้ต่อต้าน (เห่ง อู๋อั้ง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ แปล สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ พ.ศ.2553) บทที่ 3 หัวข้อ แสร้งโง่ไม่เลอะ รับมือภาวะคับขัน ครับ

ผมตั้งใจค้นมาเขียนให้อ่านต่อ เพราะบ้านเมืองของเรา หาคนประเภท แสร้งโง่ ไม่เจอ เออ! หรือว่ามี แต่ยังหาไม่เจอ.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม