"สว.อุปกิต" ขึ้นศาลนัดตรวจหลักฐานคดีสมคบค้ายาเสพติด-ฟอกเงิน ยืนยันในความบริสุทธิ์ พร้อมเดินหน้าเอาผิดคนกล่าวหาถึงที่สุด เชื่อมีขบวนการกลั่นแกล้ง

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.67 นายอุปกิต ปาจารียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เดินทางมาศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามนัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดียาเสพติด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหา "ร่วมกันฟอกเงิน, ร่วมกันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, และสมคบกันกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด รวม 6 ฐานความผิด"

โดย นายอุปกิต เปิดเผยก่อนขึ้นไปห้องพิจารณาคดี ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์และจำเลยในคดี ซึ่งเลื่อนมาเร็วขึ้นจากกำหนดเดิม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันความบริสุทธิ์ ดูอย่างคดีทุน มินหลัด ที่ศาลได้ยกฟ้องจำเลยทุกข้อกล่าวหา ทั้ง 32 ข้อกล่าวหา โดยศาลพิจารณาแล้วว่าหลักฐานของจำเลยสามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ทั้งหมด สรุปง่ายๆ ว่าศาลได้กรุณาพิจารณาแล้วว่าทั้ง 4 คน รวมทั้งบริษัท ไม่มีข้อกล่าวหาใดๆ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การฟอกเงิน และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเลยได้รับความเป็นธรรมเป็นอย่างมาก

"ขณะเดียวกัน ยังมีช่วงหนึ่งของคำวินิจฉัยของศาลที่ระบุว่า พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนผิดทิศทาง จึงทำให้จำเลยถูกดำเนินคดี ซึ่งต้นเรื่องคือ 4-5 คน ยังไม่มีความผิด และตนได้ขายธุรกิจออกไปจากบริษัทตั้งแต่ปี 2562 ก่อนมาเป็นวุฒิสมาชิก ซึ่งหลังจากนี้ก็ยังคงต้องขึ้นศาลต่อสู้คดี ในส่วนของคดีที่ได้ยื่นฟ้องพนักงานสอบสวนไว้ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นั้น แม้ศาลชั้นต้นจะยกฟ้องไปแล้ว แต่ก็จะใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์คดี เพราะชัดเจนแล้วว่ากลุ่มพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนผิดทิศทาง จึงทำให้กลุ่มจำเลยถูกกล่าวหาและถูกควบคุมตัว" นายอุปกิต กล่าว

...

นายอุปกิต กล่าวอีกว่า ส่วนคนที่กล่าวหาตนเองก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเป็นสิทธิของตน และฝากบอกกับสังคมว่า คดีนี้มีความชัดเจนมาก มีปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการต้นน้ำและกลางน้ำที่ผิดปกติ เชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะทางการเมืองหรือกระบวนการกลางน้ำ ที่ตนเคยตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้ว่า มีอดีตอัยการสูงสุดผู้หญิงท่านหนึ่ง ที่ตนได้ร้องขอความเป็นธรรมไปหลายรอบ แต่ก็ไม่มีการพิจารณาในประเด็นที่ว่า มีหลายร้อยบริษัทที่โอนเงินผ่าน Money Changer ในลักษณะของการทำธุรกิจในช่วงที่ด่านปิด และในที่สุดท่านก็เซ็นสั่งฟ้องตนด้วยข้อหากล่าวหาร้ายแรงถึง 6 ข้อหา ก็ไม่ทราบว่าใครจะรับผิดชอบต่อชื่อเสียง และการที่ทั้ง 4 คน ต้องไปติดคุกเป็นเวลานานถึง 1 ปี 4 เดือน