วันนี้ (24 ก.พ. 67) เวลา 06:30 น. ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2567 โดยมี นายสมคิด จันทมฤก นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมภพ สมิตะสิริ นายณรงค์ จีนอ่ำ นายอลงกต วรกี ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายวัชรเดช เกียรติชานน ที่ปรึกษาด้านการปกครอง นายชยชัย แสงอินทร์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายสุเมธ มีนาภา รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเอกวิทย์ มีเพียร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายบุญธรรม หอไพบูลย์สกุล รองอธิบดีกรมที่ดิน นายบูรณิศ ยุกตะนันท์ ผู้อำนวยการองค์การตลาด นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย ผู้แทนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผศ.ดร.ศศิธร จันทมฤก นางปวีณ์ริศา เกิดสม นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่ายกว่า 300 คน ร่วมในพิธี โดยได้รับเมตตาจากท่านเจ้าคุณพระเทพวัชรเมธี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย รองเจ้าคณะภาค 6-7 (ธ) ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม นำพระภิกษุสงฆ์ และสามเณร รับบิณฑบาต

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เนื่องในวันมาฆบูชา 24 กุมภาพันธ์ 2567 เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โปรดเมตตาประทานพระคติธรรม ความว่า “เหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก 1,250 รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน 3 หลังสมเด็จพระบรมศาสดาตรัสรู้และประกาศพระศาสนาแล้ว 9 เดือน เมื่อพิจารณาจากประวัติการณ์แห่งวันจาตุรงคสันนิบาต ย่อมเห็นประจักษ์ว่า พระภิกษุผู้มาประชุมกันเป็นมหาสังฆสันนิบาตนั้น ต่างพรั่งพร้อมกันมา ณ เวฬุวันมหาวิหาร ด้วยอานุภาพแห่ง “คารวธรรม” พุทธบริษัททั้งหลายผู้เป็นอนุชน จึงพึงเทิดทูนจริยาของพระอรหันต์ทั้งนั้นขึ้นเป็นแบบอย่างทางประพฤติแห่งตน โดยสำนึกว่า ถึงแม้พระสาวกทุกรูปได้บรรลุถึงคุณธรรมสูงสุด ดับกิเลสเพลิงทุกข์ได้สิ้นเชิงแล้ว แต่ก็ยังคงเคารพนอบน้อมอย่างยิ่งต่อพระบรมศาสดา และพระธรรม เพราะฉะนั้น พุทธบริษัทผู้มุ่งหมายความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม จึงจำเป็นต้องมี “นิวาตธรรม” คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นพื้นอุปนิสัย ขอจงระลึกไว้ว่า คุณธรรมแห่งพระอรหันต์นั้น สูงส่งเหนือกว่าอิสริยยศทั้งปวงในโลก หากแต่พระอรหันต์กลับปราศจากความอวดดื้อถือดี ปราศจากความเนรคุณลบหลู่ดูหมิ่น เพราะทุกรูปต่างมีความคารวะนอบน้อมอย่างมั่นคง ต่อพระรัตนตรัย ต่อการศึกษา ต่อความไม่ประมาท และต่อการปฏิสันถาร ดังนี้ บรรดาผู้ยังมีธุลีในดวงตา มีกิเลสเครื่องเศร้าหมองครอบงำใจอยู่ จึงพึงเพียรหมั่นเพิ่มพูนคารวธรรม ให้งอกงามขึ้นในตนอยู่เสมอ ให้สมด้วยธรรมภาษิตที่ว่า “มหตฺตปตฺโตปิ นิวาตวุตฺติ” แปลความว่า “ถึงแม้จะดำรงตำแหน่งใหญ่ คือ อิสริยยศที่กว้างขวาง แต่ก็ไม่ผยองด้วยยศ ถ่อมตน ทำตามโอวาทของบัณฑิต” เพื่อความผาสุกร่มเย็นในจิตใจตน ตลอดจนประเทศชาติ และโลกนี้ได้อย่างยั่งยืน ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจงดำรงมั่นคงอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลายจงพร้อมเพรียงกันศึกษาพระสัทธรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองสถาพรสืบไป เทอญ”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องในโอกาสวันมาฆบูชา ประจำปี 2567 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กำหนดจัดพิธี โดยในวันเสาร์ที่ 24 ก.พ. 2567 เวลา 09.30 น. พระสงฆ์ทำวัตรเช้า เวลา 10.00 น. พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ เวลา 19.00 น. พระสงฆ์ทำวัตรเย็น สวดโอวาทปาฏิโมกข์ พุทธศาสนิกชนเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา และพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา 13 กัณฑ์ จากนั้นย่ำรุ่งของวันอาทิตย์ที่ 25 ก.พ. 2567 เวลา 09.30 น. เป็นการถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 30 รูป โดยพุทธศาสนิกชนทุกท่านสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดกิจกรรมวันมาฆบูชาได้ทางเพจเฟซบุ๊ก "สมโภช 150 ปี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม" ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน พุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมทำความดี สร้างบุญ สร้างกุศล ลด ละ เลิกการทำบาปทั้งปวง พร้อมชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต โดยทุกท่านสามารถร่วมพิธีเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2567 ซึ่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และท่านนายอำเภอทั้ง 878 อำเภอ และภาคีเครือข่าย ได้รับเมตตาจากคณะสงฆ์ จัดพิธีในทุกวัดทั่วประเทศ กระทรวงมหาดไทยขออนุโมทนากับทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

"นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งนับเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ที่จะได้ร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ โดยรัฐบาลไทยและอินเดียร่วมกับภาคีเครือข่ายอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานเมืองสาญจี ประเทศอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะบูชา ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.-3 มี.ค. 2567 เวลา 09.00-20.00 น. จากนั้น จะมีการอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในส่วนภูมิภาค 3 จังหวัด คือ ภาคเหนือ วันที่ 5-8 มี.ค. 2567 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 10-13 มี.ค. 2567 ณ วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี และภาคใต้ วันที่ 15-18 มี.ค. 2567 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล (วัดบางโทง) จ.กระบี่ เพื่อพี่น้องพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ได้ร่วมสักการบูชาเป็นมหามงคลของชีวิต" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย